อันเนลีสมิเชลผีเข้าสิงร่าง

อันเนลีส มิเชล ผีเข้าสิงร่าง เชื่อว่าหลายคนที่ชอบเรื่องลึกลับและเรื่องหลอนนั้นต้องเคยได้ยินชื่อของเธอผู้นี้อย่างแน่นอน เรื่องของสาวอันเนลีส มิเชล นั้นถูกนำมาทำเป็นภาพยนตร์ให้เราได้ดู เรื่องราวของเธอนั้นเป็นเรื่องที่ลึกลับและน่าสงสัยและเรื่องนี้ถูกสร้างจากเรื่องจริงของเธอ เชื่อว่าหลายคนที่ชอบเรื่องลึกลับหลอนและน่าหดหู่ใจเป็นอย่างมาก สำหรับคนที่อยากรู้เรื่องราวในภาพยนตร์นั้นก็สามารถให้หาชมไปที่อินเทอร์เน็ตทั่วไป ในชื่อเรื่องที่ว่า The Exorcism of Emily Rose (2005) พลิกปมอาถรรพ์สยองโลกเรื่องราวของอันเนลีส มิเชลนั้นเกิดขึ้นเมื่อประมาณปี 1968 ซึ่งในตอนนั้นเธอมีอายุเพียงแค่ 16 ปีเท่านั้น ซึ่งเป็นช่วงที่เธอกำลังก้าวเข้าสู่ช่วงวัยรุ่น แต่การก้าวเข้าสู้วัยรุ่นของเธอนั้นไม่เหมือน คนอื่นทั่วไป เรื่องราวของอันเนลีส เธอได้พบเจอกับเรื่องราวสุดแปลกประหลาดขึ้นกับตัวของเธอเอง โดยอาการแปลกที่ว่านั้นก็คือ เรื่องราวสุดแปลกประหลาดที่เกิดขึ้นกับเธอ อันเนลีส มิเชล เธอมักจะมีอาการตัวสั่นและชักอย่างรุณแรง เมื่อครอบครัวเห็นว่าเธอมีอาการดังกล่าวก็รีบพาเธอไปที่โรงพยาบาลเพื่อให้หมอดูอาการ และเมื่อผลวินิจฉัยออกมาก

อีกาเป็นรางร้าย

อีกาเป็นรางร้าย “อีกา” นั้นมันคือสัตว์ที่ส่งเสียงร้องกากาออกมาเวลามันบินหรือไปเกาะอยู่ที่ไหนสักแห่ง มันก็จะถูกคนไล่และบอกให้มันหยุดร้อง แต่ถ้าอีกามันร้องอ้อแอ้อยู่ในลำคอคนโบราณบอกว่ามันกามันมาบอกข่าว อย่าไปไล่อย่าไปบอกให้มันหยุดร้อง คนโบราณเวลาได้ยินเสียงการ้องแบบนี้จะพูดว่า “บอกข่าวดีบอกไป บอกข่าวร้ายบินหนี” แน่นอนว่าเรื่องราวที่เล่ามาให้ฟังนั้นมันเป็นเรื่องความเชื่อเรื่องกาของคนบางพื้นที่ ซึ่งแต่ละพื้นที่แต่ละวัฒนธรรมความเชื่อเรื่องพวกกนี้ก็จะแตกต่างกันออกไป อย่างเช่นความเชื่อที่เรานำมาให้ดูในวันนี้ ที่เชื่อเรื่องอของ “อีกา” ไม่เหมือนกันบ้างก็บอกว่าดีบ้างก็บอกว่าไม่ดีว่าแต่จะมีอะไรบ้างเดี่ยวตามมาดูพร้อมกันได้เลย บอกข่าวดีบอกไป บอกข่าวร้ายให้บินหนี 1.ชาวไทยอัสสัม เชื่อว่าถ้าหากว่าอีการ้องนั้นแปลว่าจะมีคนมาหา หรืออาจจะมีเรื่องที่ดีและไม่ดีเกิดขึ้น ส่วนเรื่องที่จะเกิดนั้นให้ดูจากทิศทางที่การ้อง ถ้าการ้องอยู่บนหลังคาก็อาจเกิดเรื่องที่ไม่ดี หรือการเดินทางของใครคนใดคนหนึ่งจะเกิดอุปสรรคถ้าการ้องกระชั้นถี่ 2.ชาวทมิฬนาเชื่อกันว่ากา นั้นคือพาหนะของพระเสาร์ เป็นตัวแทนของคนตายจึงนิยมแบ่งอาหารให

ผีกะความเชื่อผีภาคเหนือ

ผีกะความเชื่อผีภาคเหนือ โดยเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของตำนานผีกะนั้นก็มีอยู่หลายรูปแบบ ซึ่งก็ได้มีชาวบ้านในทางภาคเหนือนั้นในหลายๆกลุ่มก็พูดกันไม่เหมือนกัน ชาวบ้านทางภาคเหนือในบางกลุ่มนั้นก็ได้พูดกันซึ่งก็มีอยู่ตำนานหนึ่งเกี่ยวกับประวัติของพี่กะที่เป็นที่พูดถึงกันเป็นจำนวนค่อนข้างมาก พวกชาวบ้านทางภาคเหนือนั้นได้บอกไว้ว่าผีกะนั้นมีลักษณะรูปร่างที่มีเหมือนกับฝูงของลิงตัวเล็กๆที่หากินกันเป็นฝูง แต่ในลักษณะของลิงที่ว่านั้นก็ไม่ได้จะเหมือนลิงปกติที่เราเห็นกันทั่วไป เพราะแววตาของลิงพวกนั้นจะมีลักษณะที่ไม่เหมือนกับแววตาของสัตว์ มันเหมือนกับแววตาของมนุษย์ที่มีความแค้นอยู่ซึ่งหากชาวบ้านทางภาคเหนือได้เห็นเจ้าลิงพวกนี้แล้วหล่ะก็ ก็จะสามารถรู้ได้ทันทีว่าลิงพวกนี้นั้นมีอะไรที่แปลกๆ แต่นอกจากนี้นั้นบางตำนานก็ได้พูดเอาไว้ว่าเกี่ยวกับลักษณะของตำนานของผีกะนั้น จะมีลักษณะที่ไม่ใช่ลิงเลย แต่จะมาปรากฏตัวในลักษณะที่เหมือนกับผีปอบของทางภาคอีสานที่คนไทยส่วนใหญ่มักจะรู้จักกัน ซึ่งเอาจริงๆแล้วนั้นประวัติความเป็นมาของผีกะนั้นก็มีอยู่หลายรูปแบบมีอยู่หลายตำนานซึ่งแต่ละตำนานนั้นก็มีประวัติความเป็นมาที่มี

เกาะสยองPoveglia

เกาะสยอง Poveglia ในช่วงศตวรรษแรกของสหัสวรรษที่ผ่านมา ชื่อของ Poveglia นั้นจะเป็นที่รู้จักกันเพราะว่านี่เป็นเกาะที่เจริญรุ่งเรืองและมีประชากรอาศัยอยู่เป็นจำนวนหนึ่ง เช่นเดียวกับ Murano หรือ Torcello อย่างไรก็ตาม ด้วยการระบาดของสงคราม Chioggia ในช่วงปี 1378 ซึ่งเป็นความขัดแย้งครั้งที่สี่และครั้งสุดท้ายระหว่างเจนัวและเวนิส ชาวเมืองภายในเกาะนั้นได้ถูกย้ายไปที่เกาะ Giudecca นับจากนั้นเป็นต้นมา หลังจากนั้นเกาะแห่งนี้ก็ได้กลายเป็นเกาะที่ไม่มีผู้คนอยู่และเกาะแห่งนี้ก็ยังคงเป็นเกาะทะเลทรายที่เปล่าเปรี่ยวมาเป็นเวลาสามร้อยปีแล้ว ตั้งแต่ในช่วงปี ค.ศ. 1645 มันถูกใช้เป็นด่านหน้าเพื่อควบคุมการขนส่งของเรือในทะเลสาบโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อปกป้องเมืองเวนิส อย่างไรก็ตาม ช่วงเวลาที่มืดมนที่สุดของ Poveglia ต้องย้อนกลับไปในช่วงไม่กี่ปีมานี้ เมื่อเกิดเหตุการณ์ กาฬโรค ในปี 1700 เกาะนี้จึงกลายเป็นลาซาเรตโตหรือที่เรียกกันว่าสุสานกลางแจ้งที่ผู้คนกักกัน แม้แต่ผู้ที่มีอาการป่วยเพียงเล็กน้อย ก็ถูกส่งไปตายภายในเกาะแห่งนี้ ศพของผู้ที่ได้ตายไปนั้นได้ถูกทิ้งไว้บนถนนของเกาะเพื่อย่อยสลาย จากนั้นพวกเขาถูกเผาและทิ้งขี้เถ้า

โรงแรมลึกลับ CecilHotel

โรงแรมลึกลับ Cecil Hotel ในปี 1924 เจ้าของโรงแรมแห่งนี้ที่มีชื่อว่า William Banks Hanner โดยเขาได้ทุ่มเงินเป็นจำนวน 1 ล้านเหรียญสหรัฐในตอนนั้น (สำหรับปัจจุบันก็ประมาณ 13 ล้านเหรียญสหรัฐในปัจจุบัน) เพื่อสร้างโรงแรมในลอสแองเจลิสซึ่งมีล็อบบี้หินอ่อนที่หรูหรา หน้าต่างกระจกสี และรูปปั้นเศวตศิลา ธุรกิจการบริการที่กำลังเติบโตของเขาดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่กำลังเป็นไปได้ด้วยดีและดูราบรื่น แต่น่าเสียดายที่ภาวะเศรษฐกิจตกต่ำครั้งใหญ่ดันเกิดขึ้นในช่วงนั้นและแน่นอนว่าธุรกิจโรงแรมแห่งนี้ก็ได้โดนด้วยเช่นกัน หลายทศวรรษต่อมา โรงแรมและพื้นที่โดยรอบค่อยๆลดลง ทุกวันนี้ชื่อของย่านนี้มีความหมายเหมือนกันกับสถานที่ที่โชคไม่ดีนั่นคือ Skid Row ต่อมาภายในปี 1931 โรงแรมได้เกิดเหตุการณ์การฆ่าตัวตายครั้งแรก ซึ่งศพถูกค้นพบข้างกองแคปซูลยาพิษที่อยู่ภายในตึกโรงแรมแห่งนี้ โรงแรมแห่งนี้มีการฆ่าตัวตายมากขึ้นเรื่อยๆ ที่เกิดขึ้นอยู่ข้างใน มากจนไม่สามารถที่จะเริ่มการอธิบายเกี่ยวกับเหตุการณ์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นมาเกรซ อี. มาโกร วัย 25 ปี กลายเป็นคนที่สี่ที่เสียชีวิตที่โรงแรมที่นี่ เรื่องสยองที่ได้เกิดขึ้นเมื่อเธอตกลงมาจากชั้นที่เก้

คำสาปบนดอย

คำสาปบนดอยสูง  เรื่องเล่าสยองขวัญนี้เป็นเหมือนตำนานหรือความเชื่อที่เกิดขึ้นกับเหล่าคนที่อยู่บนดอย หรือที่บางคนเรียกกันว่าชาวเผ่าบนดอยนี่เอง ซึ่งแต่ละยอดดอยสูงนั้นก็ต่างมีชนเผ่าอยู่มากมาย พวกเขาจะมีตำนานและความเชื่อแตกต่างกันไปในแต่ละเผ่า ซึ่งได้มีผู้ที่เอาเรื่องราวของชนเผ่าหนึ่งที่อยู่บนดอยสูงเอามาเล่าให้ฟังเกี่ยวกับความน่ากลัวของความเชื่อของเผ่านี้ เรื่องเล่าในอดีต ที่ได้พูดถึงการทำงานและทำสวนของเหล่าผู้คนที่เป็นชนเผ่าของพื้นที่ดอยแห่งหนึ่ง ซึ่งการทำงานหลักๆของพวกเขาก็คือการทำเรือกสวนไร่นา พื้นที่นาที่พวกเขาทำนั้นมันจะมีอยู่หลายแห่งขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมของพื้นที่ดินบนยอดดอยด้วย เพราะว่าหากพื้นที่ไม่ดีและไม่อำนวยต่อการทำไร่ทำนาพวกเขาก็ไม่สามารถใช้พื้นที่นั้นๆทำได้ นั่นจึงเป็นสาเหตุที่ว่าพวกเขาต้องคอยหาพื้นที่ที่อยู่รอบๆตัวหมู่บ้านของพวกเขา ถ้าโชคดีก็จะได้ที่อยู่ใกล้ๆหมู่บ้าน ถ้าโชคร้ายก็จะอยู่ไกลจากหมู่บ้านไปหน่อย และการเดินทางไปแต่ละพื้นที่ไล่นั้นพวกเขาต้องเดินไปซึ่งมันค่อนข้างลำบากในการเดินลัดเลาะเขาเพื่อไปทำไร่ทำสวนอยู่บ่อยๆ สำหรับที่พื้นที่ที่อยู่ใกล้ๆมันยังโอเคสำหรับพวกเขา แต่ถ้

โรงแรมหลอนมาเลเซีย

โรงแรมหลอนมาเลเซีย ในวันที่เธอได้ออกจากประเทศไทยเพื่อจะที่จะเดินทางไปที่ประเทศมาเลเซีย เธอได้ออกมาในช่วงเวลาตอนเย็นมากแล้วและเธอก็ได้ถึงที่ประเทศมาเลเซียในช่วงเวลาตอนดึกค่อนข้างมาก ด้วยความที่ว่าตอนนั้นเธอเดินทางคนเดียว เธอเลยคิดว่าเธอจะนั่งรถไฟเข้าไปในเมืองในตอนเช้าจะดีกว่า เพราะก็ไม่รู้ว่าจะเดินทางไปอย่างไรและก็กลัวที่จะหลงหากเดินทางคนเดียวในตอนกลางคืน มันคงจะเป็นอันตรายได้ถ้าหากเดินทางคนเดียวในตอนนั้น เธอจึงได้เสริชหาที่พักในโทรศัพท์ของเธอเกี่ยวกับที่พักที่เธอจะพักในคืนนั้น ในตอนที่เธอกำลังหานั้นเธอก็ได้พบกับโรงแรมมากมายแต่แล้วก็ได้เจอกับโรงแรมที่หนึ่งที่พูดเธอดูๆแล้วมันก็ดูโอเคเป็นอย่างมาก เรื่องน่ากลัวนั้นเกิดขึ้น โรงแรมที่เธอได้เจอนั้นเป็นโรงแรมที่ไม่ได้มีขนาดใหญ่อะไรมากมาย แต่บรรยากาศโดยรวมนั้นดูดี ห้องพักสวยและความที่ว่าเธอนั้นเป็นผู้หญิงที่เดินทางคนเดียวในตอนนั้น เธอก็ต้องเลือกสถานที่ที่พักที่ค่อนข้างที่จะต้องปลอดภัย ปรากฏว่าเธอก็ได้เจอที่นี่ที่เธอคิดว่าทุกอย่างมันโอเค เธอจึงได้ตัดสินใจที่จะนอนพักในคืนนี้ก่อน พอเธอได้เดินไปถึงบรรยากาศโดยรวมนั้นก็โอเคมากเลย เธอได้เห็นลูกค้าที่

สระปีศาจพราก19ศพ

สระปีศาจพราก 19 ศพ เรื่องนี้เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในรัฐควีนส์แลนด์ตอนเหนือที่เป็นสถานที่อันสวยงาม มีจุดที่ตั้งอยู่ในพุ่มไม้ของออสเตรเลีย ที่ซึ่งกระแสน้ำสามสายมาบรรจบกันท่ามกลางกลุ่มก้อนหิน ที่เป็นลักษณะที่ทำให้เกิดแอ่งน้ำตามธรรมชาติ แอ่งน้ำนี้นั้นเป็นดั่งสระว่ายน้ำค่อนข้างเย็น แม้ในฤดูร้อนที่ร้อนอบอ้าว ก็ยังคงเย็นอยู่ คุณสามารถเจอแอ่งน้ำหรือสระน้ำนี้ได้ หลังจากเดินป่าเป็นระยะทาง 1.3 กิโลเมตรไปทางใต้ของแคนส์ จะได้พบกับสถานที่ที่นักจะมีท่องเที่ยวมาเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก สำหรับนักท่องเที่ยวนั้น จะเรียกสถานที่แห่งนี้กันว่า Babinda Boulders แต่สำหรับนักท่องเที่ยวบางคนที่อาจจะรู้เกี่ยวกับสถานที่แห่งนี้กันมาก่อน จะเรียกสถานที่แห่งนี้เรียกกันว่า The Devil’s Pool หรือ สระปีศาจ ถ้าอยากรู้เรื่องราวของสถานที่แห่งนี้แล้วว่ามีความเป็นมาอย่างไร ตามตำนานของ Dreamtime ชุมชนที่เป็นชาวอะบอริจินในท้องถิ่นของบาบินด้า ได้บอกไว้เกี่ยวกับเรื่องราวของสระน้ำปีศาจนี้ไว้ว่า มันได้มีประวัติศาสตร์ที่เกี่ยวกับผีสิงหรือวิญญาณที่น่ากลัวอยู่ มีเรื่องเล่าว่าเกี่ยวกับสระน้ำแห่งนี้ว่า ได้มีหญิงสาวสวยคนหนึ่ง เธอมีชื่อว่า

ความเชื่อหมากัด

ความเชื่อหมากัด ดวงซวย หรือ ดวงดี  หมา ขึ้นชื่อว่าเป็นสัตว์เลี้ยง ที่อยู่คู่กับมนุษย์ และคนไทยมาช้านาน ด้วยนิสัยที่เป็นมิตร จงรักภักดี รักเจ้าของ และเลี้ยงดูง่าย ทำให้ หมา ยังคงเป็นสัตว์เลี้ยงที่ได้รับความนิยมอย่างไม่เสื่อมคลาย อย่างไรก็ตาม หมา ก็ยังมีสัญชาตญาณความเป็นสัตว์เก็บซ่อนเอาไว้ลึกๆ หากถูกกระตุ้น ก็อาจจะกัดมนุษย์ขึ้นมาได้เช่นกัน อย่างไรก็ตาม มีคนจำนวนมากที่เชื่อว่า โดนหมากัด ดวง บอกเหตุบางอย่างเช่นกัน ในวันนี้ ผู้เขียนขออาสาพาคุณผู้อ่านไปทำความเข้าใจเกี่ยวกับความเชื่อที่ว่า โดนหมากัด ดวง ซวย หรือดวงดี กันแน่ ผ่านทางบทความชิ้นนี้กันได้เลยครับ เชื่อกันว่า ถ้าหากฝันว่า โดนหมากัด ทุกปี หมอพยากรณ์ ได้ทำนายทายทักเอาไว้ว่า จะมีเหตุให้ทะเลาะเบาะแว้งกับคนในบ้าน ให้ระมัดระวังสุขภาพ และอาการเจ็บป่วยที่จะมาเยือนโดยไม่คาดฝัน นอกจากนี้ อาจยังได้พบกับเรื่องขุ่นมัว เสียใจ กับสิ่งที่ตัวเองไม่ได้คาดหวัง หรือหวังตั้งใจเอาไว้ แล้วไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ในด้านความรัก ก็ยากนักที่จะสามารถลงหลักปักฐานกับใคร แต่ในเรื่องของการเงิน มีโอกาสที่จะได้ลาภจากการเสี่ยงดวงการพนัน เป็นโอกาสที่ไม่ได้มาบ่อยๆ แต่กา

หนังเสือไฟใช้กันผี

หนังเสือไฟใช้กันผี เหมือนกลิ่นสาบสางของเสือไฟ บางอย่างข่มผีวิญญานแบบอ่อนๆ  บ้างบอกว่าผีจะเห็นในมิติมันเป็นเหล็กแหลมคมๆแบบพุ่มเข็ม แต่เอาจริงๆเสือไฟตัวมันน่อยนึง ทำนองแมว แต่ก็ว่าไม่ได้ ทหารตัวใหญ่กล้ามแน่นสูง 180 กว่า  อาจจะก้มหน้างุดๆ หงอยๆ เมื่อเมียเด็กอายุอ่อนกว่า ขาวหมวยนมใหญ่ตัวเล็กๆเอวคอดๆ ตะโกนทำเสียงแข็งดังแอ๊วๆ ตอนเมนส์มา การใช้หนังเสือกันผี ทางด้านกันผีกันพรายกันอันตราย,มหาอำนาจของตบะเสือนั่นเอง บางสำนักนำไปทำเคล็ด  วางลาดให้พระภิกษุเทศนาธรรม หรือ วางลาดให้พระพุทธรูปนั่งสวดมนต์ในโบสถ์วิหาร แล้วจึงพลีมา  นานาจิตตังแล้วแต่สำนักเด้อ…ใครได้ตะกรุดหนังเสือไฟหรือของทางเสือไฟมา ไม่รู้ส่าพลีมาดีรึไม่  เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามีอยู่กับตัวแล้ว จะเจอกับสิ่งที่ดีในชีวิต แนะนำให้ทำบุญ  กรวดน้ำให้วิญญานเจ้าของชิ้นส่วนนำมาทำคือพวกเสือไฟตัวนั้น และครูบาอาจารย์ผู้เสกผู้สร้างตะกรุด  เป็นดีที่สุด โดดเด่นไปในด้านทางมหาอำนาจสูง สามารถป้องกันภัย และ แคล้วคลาด คงกระพันโดยถือเอาสัญชาตญาณของเสือที่เป็นสัตว์ที่มีพลังอำนาจมาก  เป็นสัตว์ที่ถือว่าเป็นสัคว์ขนาดใหญ่และยังเป็นใหญ่ในป่า เป็นสัตว์ป่าที่