STORYREVIEW
ตำนาน เรื่องหลอน เรื่องลี้ลับ 2023

ความจริงเกี่ยวกับคลีโอพัตรา

ความจริงเกี่ยวกับคลีโอพัตรา

ความจริงเกี่ยวกับคลีโอพัตรา แม้เกิดในอียิปต์ แต่ครอบครัวของเธอเป็นชาวกรีกแห่งมาซีโดเนีย บิดาของเธอคือ ‘โซเตอร์: โปโตเลมีที่1 ซึ่งเป็นขุนพลคนหนึ่งในกองทัพของอเล็กซานเดอร์มหาราช ราชวงศ์ปโทเลมีขึ้นครองอียิปต์หลังจากอเล็กซานเดอร์สิ้นพระชนม์ในปี 323 เป็นราชวงค์ถึง 3 ศตวรรษ อย่างไรก็ตาม, แม้มิได้เป็นชาวอียิปต์โดยกำเนิด แต่คลีโอพัตราดำเนินรอยตามวัฒนธรรมเก่าแก่ของอียิปต์ เธอเป็นเชื้อสายปโตเลมีคนแรกที่เรียนภาษาอียิปต์ เช่นเดียวกับผู้ปกครองอื่นๆในยุคนั้น สมาชิกในราชวงศ์ปโตเลมีสมรสกันเองระหว่างสายเลือดเดียวกัน เพื่อดำรงไว้ซึ่งสายเลือดบริสุทธิ์ บรรพชนของคลีโอพัตรานับสิบแต่งงานกับลูกพี่ลูกน้องหรือระหว่างพี่น้องกันเอง เช่นเดียวกับบิดาและมารดาของเธอซึ่งเป็นพี่น้องกันเพื่อดำรงจารีตเดิมเอาไว้ คลีโอพัตราแต่งงานกับน้องชายวัยรุ่นสองคน ทั้งสองเข้าพิธีสมรสและเป็นผู้ปกครองร่วมในระหว่างรัชสมัยของเธอ คลีโอพัตราเป็นสตรีที่งดงาม แต่ความงามมิใช่สิ่งมีค่าสูงสุดสำหรับเธอ โรมันโฆษณาว่าคลีโอพัตราใช้เสน่ห์ยั่วยวนเป็นอาวุธทางการเมือง กระนั้นเธอได้ชื่อว่าเป็นสตรีผู้ฉลาดหลักแหลม สามารถพูดได้นับสิบภาษา ผ่านการศึกษาด้านคณ

ตำนานเจงล็อต

ตำนานเจงล็อต

ตำนานเจงล็อต มันคือตุ๊กตาที่รูปร่างคล้ายคนตัวผอมแห้งขนาดเล็ก แต่กลับมีเล็บและเขี้ยวยาวราวกับสัตว์ป่า และเชื่อกันว่ามีฤทธิ์สามารถทำให้ผู้ครอบครองโชคดีหากดูแลอย่างถูกต้อง ลักษณะตุ๊กตา มีลักษณะเป็นตุ๊กตาขนาดเล็ก ที่มักปรากฏตัวในนิทานพื้นบ้านของประเทศอินโดนีเซียและมาเลเซีย พวกมันมักถูกอธิบายว่าเป็นมัมมี่หรือ “ตุ๊กตามีชีวิต” ลำตัวยาวประมาณ 15-20 ซ.ม. ใบหน้าอาจดูคล้ายกับโครงกระดูกหรือใบหน้าของมนุษย์ ดวงตาดูแปลกประหลาด เขี้ยวยาวแหลมคมและเล็บยาว โดยรวมแล้วมันดูเหมือนกับฟอสซิลของซากศพมนุษย์ ส่วนเท้าเชื่อมต่อเข้าหากันจนดูคล้ายกับนางเงือก สิ่งที่ทำให้เจงกอตมีความน่าสนใจที่สุดคือ ความเชื่อที่ว่าเส้นผมของมันจะสามารถงอกยาวออกมาได้เองเมื่อเวลาผ่านไป เรื่องราวของเจงล็อต ถูกบันทึกไว้ว่าเกิดขึ้นครั้งแรกในปี 1997 และเป็นความเชื่อที่ค่อนข้างใหม่มาก อย่างไรก็ตามชาวอินโดนีเซียจำนวนหนึ่งก็เชื่อว่าจริงๆ แล้วเจงล็อต เกิดขึ้นในปี 1972 หรือไม่ก็ก่อนหน้านั้นเป็นร้อยๆ ปีมากกว่า มันเคยเป็นมนุษย์ผู้ซึ่งเรียนรู้วิชาเวทมนตร์ดำ เพื่อที่จะทำให้ตัวเองมีชีวิตเป็นอมตะ ดังนั้นเมื่อพวกเขาตายร่างกายจึงถูกผืนดินปฏิเสธ จนไม่เน

ขุนพันธรักษ์ราชเดช

ขุนพันธรักษ์ราชเดช

ขุนพันธรักษ์ราชเดช ขุนพันธ์ เป็นตำรวจที่ค่อนข้างแปลกเมื่อมองจากปัจจุบัน เพราะเป็นตำรวจสายมูแบบจัดหนักจัดเต็ม จนมีสมญาว่า ‘จอมขมังเวทย์’ ทั้งๆ ที่ตำรวจถือเป็นหน่วยงานราชการสมัยใหม่ ถูกจัดตั้งขึ้นเพื่ออำนวยความสงบสุขแก่ประชาชนตามหลักศาสตร์ความรู้สมัยใหม่ แต่ก็เช่นเดียวกับอีกหลายต่อหลายเรื่องของสังคมไทยๆ ที่เมื่อเข้าไปดูเนื้อหาสาระแล้ว เราก็มักจะพบความไม่สมัยใหม่หรือ ‘ไม่เดิร์นเอาซะเลย’ (อยู่ตลอดเว) ความมูของขุนพันธ์มาพร้อมกับการอ้างอิงถึงตำนานเรื่องเล่าเกี่ยวกับภูมิหลังชีวิตการปฏิบัติหน้าที่ปราบปรามเหล่าโจรผู้ร้ายจนมีชื่อเสียงโด่งดัง งานปราบปรามโจรผู้ร้ายสมัยก่อนเป็นงานอันตรายใหญ่หลวง หาจุดคุ้มทุนกับการเสี่ยงเป็นเสี่ยงตายไม่ได้แล้วรอดมายืนยาวก่อนลาโลกไปในวัย 103 ปี ถูกผนึกรวมเป็นความน่าเชื่อถือและศักดิ์สิทธิ์แก่ความมูของขุนพันธ์ไปด้วยอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ตำรวจยุคขุนพันธ์มีอะไรหลายอย่างแตกต่างจากยุคปัจจุบันมากแน่ๆ แต่การเลือกหยิบยกเอาขุนพันธ์มาเป็น ‘วีรบุรุษ’ ของตำรวจไทยในรุ่นหลังมานี้เป็นเรื่องย้อนแย้งอย่างมาก เป็นวีรบุรุษนั้นหมายถึงเป็นตัวแบบในอุดมคติ ซึ่งก็หมายความว่า ณ ขณะเวลาที่มีก

ตำนานสุดยอดไซอิ๋ว

ตำนานสุดยอดไซอิ๋ว

ตำนานสุดยอดไซอิ๋ว เห้งเจีย หรือ หงอคง เป็นเทพ ตามพงศาวดารจีนเรื่องไซอิ๋ว ซึ่งกล่าวถึงลิงตัวหนึ่งที่เกิดจากหิน บนยอดภูเขา “จิ่วหัวซัน” มีความเก่งกล้าสามารถมาก มีอาวุธวิเศษในมือ คือกระบองที่ยืดได้ จนไปถึงเทียมฟ้าสวรรค์ และ สามารถหดได้ เหลือเพียงอันเล็กๆ ที่สามารถพกพาไปไหนต่อไหนได้ และยังมีพาหนะคู่ใจคือก้อนเมฆ “คินตอน” หงอคงมีนิสัยพาลเกเร วันหนึ่งขึ้นไปอาละวาดบนสวรรค์ สร้างความปั่นป่วนแก่บรรดาเทพเจ้าบนสวรรค์เป็นอย่างมาก เง็กเซียนฮ่องเต้เห็นว่าหงอคงคงจะว่างเกินไป จึงมอบหมายหน้าที่ให้เป็นคนดูแลม้าในสวรรค์ หงอคงโกรธมาก ที่เห็นว่าตนได้เพียงตำแหน่งเล็กๆ จึงได้ฆ่าม้าตายหมดทุกตัว เง็กเซียนฮ่องเต้พิโรธมาก จึงรับสั่งให้ขุนพลสวรรค์ มาตามจับตัวเห้งเจียไปลงโทษ แม้กระทั่ง นาจา ผู้เก่งกาจของขุนพลสวรรค์ก็ยัง ไม่สามารถเอาชนะหงอคงได้ เง็กเซียนฮ่องเต้ต้องยอมอ่อนข้อให้ และยกตำแหน่งให้เป็น ฉีเทียนไต่เสี่ย หรือ ผู้ยิ่งใหญ่เท่าฟ้า มีหน้าที่ดูแล สวนลูกท้อบนสวรรค์ ในที่สุดหงอคงก็ป่วนสวรรค์ จนวุ่นวายอีกครั้ง โดยการแอบกินลูกท้อสุกจนหมดสวน ดื่มสุราสวรรค์ ขโมยยาอายุวัฒนะของเทพเจ้าดาวพระศุกร์กินจนหมดห้อง เมื่ออับจนห

ประวัติพระร่วงหลังรางปืนแตกกรุ

ประวัติพระร่วงหลังรางปืนแตกกรุ

ประวัติพระร่วงหลังรางปืนแตกกรุ พระที่พบมีจำนวนไม่เกิน 200 องค์ และกว่าครึ่งหนึ่งเป็นพระที่ชำรุดแตกหัก ที่สมบูรณ์สวยงามจริงๆมีไมมากนัก ซึ่งจะอยู่ในครอบครองของผู้มีชื่อเสียง ผู้มีบารมีและฐานะดี โดยต่างคนก็หวงแหนพระร่วงพิมพ์นี้กันมาก ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นสิริมงคลแห่งชีวิต ในการบูชาคุ้มครองเสริมบารมี ถึงกับบางท่านไม่ยอมเปิดเผยว่าเป็นผู้มีพระพิมพ์นี้ แต่ก็มีบางท่านยอมเปิดเผย เพื่อเป็นวิทยาทานสู่สาธารณชน อันเป็นการอนุรักษ์พระกรุเก่าสืบทอดให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ต่อไป พระร่วงหลังรางปืน พุทธลักษณะเป็นพระยืนปางประทานอภัย ( นักสะสมบางท่านมักจะเรียกว่าปางประทานพร ) ศิลปะเขมรยุคบายน อยู่ในลวดลายของกรอบซุ้ม ลักษณะของยอดซุ้มเป็นลายกนก แบบซุ้มกระจังเรือนแก้ว ด้านหลังขององค์พระพิมพ์นี้มีลักษณะพิเศษคือ มีรางร่องกดลึกลงไปเป็นรางร่องยาวตามองค์พระ นักนิยมพระเครื่องในสมัยแรกที่พระแตกกรุออกมาใหม่ๆ จึงเรียกพระพิมพ์นี้ว่า “พระร่วงหลังกาบหมาก” ต่อมาได้มีผู้นำพระพิมพ์นี้ไปใช้ติดตัว ทำให้เกิดความแคล้วคลาดจากภยันตรายในเรื่องปืน มีประสบการณ์ ยิงไม่ออก ยิงไม่เข้า ยิงไม่ถูก ทำให้ผู้คนในสมัยต่อมาเรียกพระพิมพ์นี้ว่า “พระร

ตำนานงูยักษ์แปดหัว

ตำนานงูยักษ์แปดหัว

ตำนานงูยักษ์แปดหัว เทพวายุซูซาโนโอะ ใช้ค่ายกลประตูแปดบาน วางไหเหล้าสาเกไว้ทุกประตูบ้านและนำหญิงสาวคนอื่นในหมู่บ้านซ่อนไว้ด้านในสุด เมื่อยามาตะ โน โอโรจิเห็นไหสาเกก็ไม่รอช้าที่จะพุ่งหัวทั้งแปดเข้าไปในประตูทุกบานและงับไหเหล้า ส่งผลให้ ซู ซาโนโอะสามารถตัดหัวงูยักษ์ทั้งหมดได้ เมื่อปราบงูยักษ์สำเร็จ เขาพบกับดาบวิเศษที่ฝังอยู่ในหางของงู เขาจึงนำดาบที่ว่าเก็บกลับไปให้เทพีอามาเทราสุแห่งพระอาทิตย์ซึ่งเป็นน้องสาวให้เป็นผู้เก็บไว้ ซึ่งเทพีอามาเทราสุเป็นต้นตระกูลของจักรพรรดิญี่ปุ่น และดาบวิเศษที่ชื่อว่าคุซานางิก็เป็นดาบประจำตระกูลที่อยู่คู่บัลลังก์และส่งต่อมายังรุ่นสุ่รุ่นจนถึงยุคปัจจุบัน สมัยสมเด็จพระจักรพรรดิเคโกะ จักรพรรดิองค์ที่ 12 ของญี่ปุ่นมีลูกชายฝาแฝดชื่อทาเครุทั้งสองคน เมื่อทั้งคู่อายุได้ 15  ปี พี่น้องเกิดฆ่ากันเองโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ ทำให้พระบิดาไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่ไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวไม่มีผู้สืบทอดบัลลังก์ จึงตัดสินใจส่งโอรสองค์เดียวที่เหลือไปปราบกบฎทางตอนใต้สุดของอาณาจักร ก่อนที่ทาเครุจะออกเดินทางเขาได้แวะขอพรกับเจ้าป้าที่เมืองอิเซะพร้อมได้ดาบ เสื้อคลุม และผ้านุ่งสำหรับออกศึก หล

ตำนานพระสยามเทวาธิราช

ตำนานพระสยามเทวาธิราช

ตำนานพระสยามเทวาธิราช เป็นเทวรูป หล่อด้วยทองคำสูง ๘ นิ้ว ประทับยืนทรงเครื่องกษัตริยาธิราช ทรงฉลองพระองค์อย่างเครื่องของเทพารักษ์ มีมงกุฎเป็นเครื่องศิราภรณ์ พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงขรรค์ พระหัตถ์ ซ้ายยกขึ้นจีบดรรชนีเสมอพระอุระ องค์พระสยามเทวาธิราชประดิษฐานอยู่ในเรือนแก้วทำด้วยไม้จันทน์ ลักษณะแบบวิมานเก๋งจีน มีคำจารึกเป็นภาษาจีนที่ผนังเบื้องหลัง แปลว่า “ที่สถิตแห่งพระสยามเทวาธิราช” เรือนแก้วเก๋งจีนนี้ประดิษฐานอยู่ในมุขกลางของพระวิมานไม้แกะสลักปิดทอง ตั้งอยู่เหนือลับแลบังพระทวารเทวราชมเหศวร์ ตอนกลางพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระจอมกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงเคารพบูชาพระสยามเทวาธิราชเป็นอย่างสูง ทรงถวายเครื่องสักการะเป็นประจำทุกวัน และทรงถวายเครื่องสังเวยทุกวันอังคารและวันเสาร์ก่อนเวลาเพล กับโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีสังเวยเทวดาในวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ อันตรงกับวันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติแบบโบราณด้วย ทั้งเป็นที่ร่ำลือกันว่าพระสยามเทวาธิราชนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โปรดฯ ให้สร้างพระบรมรูปขึ้นอีกองค์หนึ่ง มีรูปแบบเหมือนพระ

นางไม้

นางไม้

นางไม้ ตามตำนานนางไม้ของนานาชาติมีส่วนคล้ายคลึงเหมือนกันอยู่อย่าง คือมีหน้าที่พิทักษ์ป่าเขาลำเนาไพร บางตำนานจัดนางไม้ เป็นพวกรุกขเทวดา คือ เทวดาที่สิงสถิตอยู่ตามต้นไม้ บ้างก็จัดให้อยู่ในหมวดหมู่ภูตผีปีศาจ นางไม้โรมัน เป็นเหล่านางอัปสรหรือนางไม้ ที่เป็นหญิงสาวมีหน้าตาสวยงาม คำว่า nymph ดรุณีแรกรุ่น ตำนานนางไม้ จึงไม่มีนางไม้แก่ๆ ให้เหล่านายพรานหรือคนตัดฟืนเห็นเป็นเด็ดขาด จะสถิตอยู่ในสถานที่ต่างๆ เช่น ในป่า ต้นไม้ ภูเขา ลำน้ำ หรือแม้กระทั่งมหาสมุทร และมีชื่อเรียกตามที่ต่างๆที่หล่อนอาศัย นางไม้อินเดีย ชาวฮินดู นับถือรุกขเทวดากันมาก โดยเฉพาะในหมู่บ้านที่มีต้นไม้ใหญ่ โดยมีการบูชาด้วยดอกไม้ เครื่องหอม ขนมหวาน นมสด และผลไม้ ไม่มีการถวายอาหารคาว หรือการบูชายัญด้วยสิ่งมีชีวิต เพราะเทวดาที่สิ่งสถิตตามต้นไม้ จะเป็นเทพเจ้าที่ไม่โปรดของคาว เนื้อสัตว์ เรียกว่าท่านเป็นมังสวิรัติ นางไม้ไทย เราจะได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย โดยต้นไม้ใหญ่จะมีรุกขเทวา สิงสถิตอยู่ เช่น ต้นไทร ต้นตะเคียน ภายหลังเพิ่มต้นกล้วยตานี ด้วย เรียกนางไม้เหล่านี้ว่า นางตะเคียน นางตานี  ส่วนนางไม้ที่ฮ็อตฮิต ไม่แพ้นางตะเคียน คือ นางตานี

ตำนานจิ้งจอกเก้าหาง

ตำนานจิ้งจอกเก้าหาง

ตำนานจิ้งจอกเก้าหาง (九尾狐)  รูปลักษณ์แท้จริงของมันนั้นเป็นสุนัขจิ้งจอกที่มีเวทมนต์คาถาในการจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้ ตำนานของประเทศอินเดีย การปรากฏตัวของปิศาจจิ้งจอกเก้าหางในแผ่นดินราชวงศ์อินเดียโบราณ กล่าวกันว่าประเทศอินเดียเป็นประเทศแรกที่ได้ปรากฏตัวของปิศาจตนนี้ เกิดขึ้นในสมัยอินเดียโบราณ ปิศาจจิ้งจอกเก้าหางได้จำแลงกายเป็นสาวงามจนไปต้องตาขององค์ชายแห่งราชวงศ์ผู้ปกครองประเทศอินเดียเข้า องค์ชายจึงได้นำทรัพย์สินอันมีค่าเกินประมาณมาสู่ขอนางเพื่อไปเป็นนางสนมเคียงกาย   แล้วเมื่อปิศาจจิ้งจอกได้เข้าสู่วังหลวงในฐานะนางสนม องค์ชายซึ่งจากที่เคยเป็นคนเอาการเอางานแทนพระบิดาก็กลายเป็นผู้มักมากในกาม เอาแต่ลุ่มหลงในความใคร่ไม่เป็นว่าราชการ กระทั่งละเลยพระคู่หมั้นที่กำลังจะได้เข้าพิธีอภิเภษสมรสในอีกไม่นานนัก อีกทั้งยังมีร่างกายทรุดโทรมราวกับถูกมนต์บางอย่างครอบงำอยู่   ด้วยเหตุผิดปรกตินี้… ทำให้พระราชาผู้เป็นพระบิดาจึงได้สั่งให้โหรหลวงทำนายดวงชะตาขององค์ชาย ทว่าปิศาจจิ้งจอกได้ไหวตัวทัน มันจึงได้เป่าหูด้วยมนต์คาถาให้องค์ชายทำการปิตุฆาตพระราชาเสีย… องค์ชายที่ไม่อาจจะควบคุมสามัญสำนึกใดๆ ก็ได้กระทำการอันร้าย

นารีผล

นารีผล

นารีผล เป็นพืชชนิดหนึ่งมีอยู่ในป่าหิมพานต์ ออกดอกผลซึ่งมีรูปร่างเหมือนสตรี ออกดอกช่อขนาดเท่ากับคน ผลมีรูปร่างสัดส่วนเหมือนสาวแรกรุ่นอายุ ๑๖ ปี ผิวมีมะปรางสุก ตาดำสีทอง ตาขาวสีฟ้า ผมสีทอง ตาโตเด่นชัด จมูกเหมือนพระจันทร์เสี้ยว โด่ง ๔๕ องศา ผมสีทอง ที่ขวัญมีขั้วเหมือนมังคุด คิ้วต่อ คอปล้อง มี ๓ ปล้อง ไม่มีไหปลาร้า นิ้วมือทั้ง 4 นิ้ว ชี้ กลาง นาง ก้อย ยาวเสมอกัน นิ้วโป้งยาวได้ครึ่งหนึ่งของนิ้วชี้ นิ้วมือและแขนไม่มีข้อปล้อง มีกลิ่นกายหอมที่สุด เต็มไปด้วยกามคุณทั้ง ๕ ร่างกายเบาเพราะไม่มีกระดูก ต้นมักกะลีผลสูงใหญ่ ใบเหมือนมะม่วงแต่ใหญ่เท่าใบกล้วย ดอกคล้ายกล้วยไม้ มีพวงละ๕ดอก นารีผลมีขั้วที่หัวคล้ายมังคุด เมื่อต้นนารีผลออกช่อได้ ๓ วันก็จะมีประจำเดือน ๗ วันร่วงหลุดจากต้น เมื่อหลุดจากต้นแล้วยังอยู่ได้อีก ๔-๕ เดือน จึงจะเริ่มเหิ่ยวเหมือนดอกไม้ และจะหดลงย่อส่วนลงจนหายไปในที่สุด ดอกของมัคคะลีผลนี้ ก็มีหุบมีบานเหมือนดอกบัว๑๘.๐๐ น. ก็หุบ และ ๐๖.๐๐ น. เมื่อประมาณสามหมื่นปีก่อน พระเวสสันดร พร้อมด้วยพระนางมัทรี และบุตร ๒ คนคือ ชาลีกุมาร และ กัณหาชิณากุมารี ถูกเนรเทศจากนคร ได้เดินทางสู่ป่าหิมพานต์ ปฏิบั