STORYREVIEW
ตำนาน เรื่องหลอน เรื่องลี้ลับ 2023

ดวงตาปีศาจ”Evil Eye”

ดวงตาปีศาจ

ดวงตาปีศาจ”Evil Eye” “นัยน์ตาปีศาจ”  ชื่อเรียกอาจดูกลัวแต่ก็เป็นเครื่องรางที่เชื่อว่าสามารถป้องกันภัยอำนาจมืดจากสิ่งชั่วร้ายในสิ่งที่มองไม่เห็น  รวมความอิจฉาริษยา ความโลภ และดวงตานี้ก็ช่วยสะท้อนกลับไป ทำให้ผู้พกพาพบเจอแต่สิ่งดีๆ เรื่องดีๆ คือเครื่องรางที่เชื่อกันว่ามีคุณสมบัติในการตรวจจับและปกป้องคุ้มครองผู้ครอบครองให้รอดพ้นจากผู้คิดร้าย อำนาจมืด และสิ่งชั่วร้ายนานาประการ เครื่องรางรูปร่างคล้ายดวงตานี้จัดเป็นสัญลักษณ์เก่าแก่ชนิดหนึ่งที่เดินทางผ่านกาลเวลามาหลายพันปี ชาวไอยคุปต์โบราณเชื่อว่าสัญลักษณ์รูปดวงตานั้นสื่อถึงดวงตาแห่งเทพฮอรัสหนึ่งในเทพเจ้าสำคัญของชาวอียิปต์ พวกเขาเชื่อว่าดวงตาแห่งเทพฮอรัสจะช่วยสอดส่องคุ้มกันภัยร้าย อีกทั้งยังเป็นสัญลักษณ์ของความรอบรู้อีกด้วย นอกจากนี้ มันยังมีความสัมพันธ์กับศรัทธาและความเชื่อต่างๆ ในหลายพื้นที่ ไม่ว่าจะเป็นอาณาจักรกรีกและโรมัน ไปจนถึงอาณาจักรไบเซนไทน์ และอาณาจักรออตโตมัน ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงคอนสแตนติโนเปิล (ปัจจุบันคือเมืองอิสตันบูล) เป็นต้น ในปัจจุบันประเทศตุรกีถือเป็นประเทศที่มีความเกี่ยวพันกับสัญลักษณ์ดวงตาปีศาจมากที่สุดปร

ลูกอมมหาเสน่ห์

ลูกอมมหาเสน่ห์

ลูกอมมหาเสน่ห์ อมมหาเสน่ห์ หลวงพ่อสงวน วัดไผ่พันมือ ตำนานผงอิทธิเจสุดยอดมหาเสน่ห์ ประสบการณ์เล่าไม่รู้จบ ในการสร้างพระเครื่องของหลวงพ่อสงวนนั้น จะใช้้มวลสารผงอิธิเจเป็น หลัก โดยผงนี้่หลวงพ่อสงวนจะปั้นและลบด้วยตัวเอง ผสมมวลสารพระกรุต่างๆ และท่านจะดูแลการสร้างด้วยตัวเองโดยให้พระเณรในวัดช่วยกันปั้น และกดพิมพ์พระ วัตถุมงคลของท่านมีประสบการณ์มากมาย ทำให้มีลูกศิษย์นับถือท่านมาก – พระเครื่องท่านสร้างจากผงอิทธิเจ ซึ่งท่านเขียนและลบผงด้วยตัวท่านเองตลอดชีวิต ศิษย์และกรรมการในสมัยนั้นต่างทราบดี ว่างจากรับแขก หลวงพ่อสงวนจะเขียนและลบผงทั้งคืน โดยนำมวลสารมาปั้นเป็นแท่ง เขียนแล้วลบเป็นผง จากนั้นก็นำมาเขียนแล้วลบเป็นผง ทำแบบนี้ซ้ำๆ หลายต่อหลายครั้งจนสำเร็จ จึงนำผงที่ได้มาผสมกับมวลสารอื่นๆอาทิ ว่าน ดินกรุ เป็นต้น ลูกอมปถมังวรรค๙เสน่หาหน้าทองขุนแผนแสนน้ำตาตกมังกร9หาง8เสียง สร้างจากผงปถมังวรรค๙ที่ผ่านการเขียนผงลบผงปถมังวรรค๙ถึง๙ครั้ง๙วาระจนสำเร็จถึง๙ขั้น เป็นสุดยอดผงเสน่ห์ในตำนานที่มีอานุภาพในด้าน “มหาเสน่ห์” รุนแรงมาก และทำได้ยากมาก จนว่ากันว่าเป็น “ของต้องห้าม” สำหรับผู้ท

น้ำมันพราย

น้ำมันพราย

น้ำมันพราย เรื่องราวไสยศาสตร์ของไทย เกี่ยวกับตำนานน้ำมันพราย ว่ากันว่าเป็นคุณไสยทางด้านมหาเสน่ห์ ผู้ใดที่โดนน้ำมันพรายเข้าไป จะมีอาการลุ่มหลง ขาดสติ ไม่เป็นตัวของตัวเอง ต้องยอมมอบกายมอบใจ ให้กับผู้ที่ใช้น้ำมันพรายนั้น ในสมัยที่คนเรียนหนังสือที่วัด ผู้ชราก็ได้ศึกษากับพระซึ่งเป็นอาจารย์ จนพระท่านมรณะ ผู้ชราก็มาประกอบอาชีพทำนา มีลูกและมีหลาน ท่านรับทราบว่า บ้านซึ่งอยู่ไม่ห่างจากที่อยู่ของท่านเขาเล่นของทำให้ผัวรักผัวหลง แต่ท่านก็ไม่สนใจเพราะต่างคนต่างอยู่ กรรมใครกรรมมัน อยู่มาวันหนึ่งหลานของท่านวิ่งมาบอกท่านว่า พบขวดใส่อะไรก็ไม่ทราบอยู่ที่ใต้โคนมะพร้าว ท่านจึงไปดูและรู้ว่าขวดดังกล่าวใส่น้ำมันพราย เจ้าของมันไม่เอาเข้าบ้านนำมาซ่อนใต้ต้นมะพร้าว ท่านกลัวว่าลูกหลานท่านจะเป็นอันตราย จึงนำขวดกลับมาที่กระท่อม ตกดึก ท่านเล่าว่า ผีพรายวันออกมาจับขาท่าน มันจะกิน ท่านได้ทีบมันและได้ใช้คาถากำกับจนมันกลัวและกลับเข้าขวด ท่านเล่าว่า วันพระมันก็จะออกจากขวดเป็นหิ้งห้อย ท่านเห็นก็จะให้มันกลับเข้าขวด ถ้าท่านออกจากบ้านไปไกลๆ ก็จะนำมันไปด้วย เพราะกลัวว่ามันจะทำร้ายลูกหลานถ้าท่านไม่อยู่ อยู่มาวันหนึ่ง มีคนมาที่

ไม้พญางิ้วดำของขลังมนต์ดำเขมร

ไม้พญางิ้วดำของขลังมนต์ดำเขมร

ไม้พญางิ้วดำของขลังมนต์ดำเขมร วิธีการสังเกตดูไม้งิ้วดำ ไม้พญางิ้วดำ และเปรียบเทียบกับไม้ดำดง ไม้มะเกลือให้ดูตามลักษณะดังต่อไปนี้ 1.ไม้พญางิ้วดำ ไม้งิ้วดำ – เป็นไม้ที่มีน้ำหนัก จับแล้วจะรู้สึกเบา แต่ถ้าเอาไปลอยน้ำไม้จะจม – มีสีดำที่สนิท ทั้งที่กลางแดดและในร่ม เนื้อไม้จะเป็นเงามัน ดำแบบเงา – ถ้าไม้เกิดในป่าที่มีหินปูน ไม้จะมีหินปูน(สีขาว)แทรกอยู่ในเนื้อไม้ – ไม่มีเสี้ยน เนื้อไม้จะละเอียดมาก – ขี้เลือยจะออกสีดำอมม่วง – เวลาขัดแล้วกลิ่นฉุนเหมือนพริกไทย – ฝุ่นสีดำสนิท – กลิ่นและรสจะคล้ายเครื่องเทศ  2.ไม้ดำดง – เป็นไม้สีดำเหมือนกันแต่เนื้อไม้จะออกสีม่วงหรือสีน้ำตาลดำ – สีดำไม่สนิท – มีเสี้ยน หรือ เสี้ยนจะหยาบกว่า – ขี้เลื่อยจะออกม่วงน้ำเงินหรือสีน้ำตาลดำ – ฝุ่นสีดำไม่สนิท – ต้องแสงแดดจะไม่มันเงา ด้านสนิด 3.ไม้มะเกลือ – เนื้อไม้และขี้ไม้เป็นสีดำอมเขียว – จะแตกสะเก็ดและแข็ง – มีเสี้ยน หรือ เสี้ยนจะหยาบกว่า – ฝุ่นสีดำไม่สนิท – ขี้เลือยจะออกแดงน้ำตาล – จะดำสนิทเฉพาะที่แก่นไม้

แพะหลวงพ่ออ่ำ

แพะหลวงพ่ออ่ำ

แพะหลวงพ่ออ่ำ ในบรรดาเครื่องรางของขลังงในประเภทสัตว์นั่นก็จะมีเครื่องราง แพะเขาควายเผือกแกะ ของ หลวงพ่ออ่ำ วัดหนองกระบอก อำเภอ บ้านค่าย จังหวัด ระยอง นับเป็นหนึ่งในเครื่องรางความนิยมสูงระดับต้น ๆ ที่หลายคนปราถนาครอบครอง หลวงพ่ออ่ำนั้น ท่านเป็นยอดพระอาจารย์ยุคเก่าแห่งภาคตะวันออก มีอายุในราวๆ 50 ปี ตั้งแต่ช่วงอายุประมาณปีพ.ศ.2431-2490 เครื่องรางแพะหลวงพ่ออ่ำ ท่านทำการสร้างจากเขาควายฟ้าผ่าตาย ซึ่งมีความเชื่อกันว่าเขาควายเผือกอันนั้นได้รับพลังจากเทพหรือรับพลังจากสวรรค์ แล้วนำมาแกะเป็นแพะ หลวงพ่ออ่ำทำการบรรจุวิชาอาคมเวทมนตร์คาถาที่ได้ศึกษาเล่าเรียนมา โดยวางไว้บนถาด บางทีก็แช่น้ำมันหอม น้ำมันว่านสมุนไพร น้ำมันจันทน์ ในการจะได้แพะแกะของหลวงพ่ออ่ำมาได้นั่นนั้น เมื่อท่านหลวงพ่ออ่ำจะทำการมอบให้ใครนั่น ท่านจะทำพิธีปลุกเสกด้วยตัวท่านเองอีกครั้ง จนปรากฏว่าแพะที่วางไว้บนถาดหรือแช่ไว้ในน้ำมันนั้นเคลื่อนไหวเสมือนมีชีวิตจริง ท่านจึงจะหยิบขึ้นมาจากโหลหรือขวดแก้ว แจกกับบุคคลนั้น ๆ ที่ท่านต้องการจะมอบให้ ความเชื่อ สำหรับคุณวิเศษ หรือ สรรพคุณของแพะหลวงพ่ออ่ำ ว่ากันว่าแพะตัวผู้หนึ่งตัว สามารถดูแลปกครองแพะต

เบี้ยแก้หลวงพ่อนุ่มวัดนางใน

เบี้ยแก้หลวงพ่อนุ่มวัดนางใน

เบี้ยแก้หลวงพ่อนุ่มวัดนางใน เบี้ยแก้หลวงพ่อนุ่ม วัดนางใน – สวัสดีครับ ท่านผู้อ่านที่รักทุกท่าน วันนี้เรามาคุยกันถึงเรื่องเบี้ยแก้ของหลวงพ่อนุ่ม วัดนางในธัมมิการาม อำเภอวิเศษชัยชาญ จังหวัดอ่างทอง ครับ ซึ่งหลวงพ่อนุ่มเป็นพระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงโด่งดังของจังหวัดอ่างทองเช่นกันครับ พระอุปัชฌาย์นุ่ม ธมฺมาราโม ท่านได้เกิดเมื่อวันที่ 15 เดือน สิงหาคม พุทธศักราช 2426 อ่อนกว่าหลวงพ่อพัก 1 ปี โยมบิดาของท่านชื่อสอน โยมมารดาชื่อแจ่ม นามสกุลศรแก้วดารา หลวงพ่อนุ่มเกิดที่บ้านสามจุ่น ตำบลวังน้ำชัย อำเภอศรีประจันต์ จังหวัดสุพรรณบุรี ตอนที่ท่านอายุได้ 10 ขวบได้ศึกษาภาษาไทยและภาษาขอมกับพระอธิการพ่วง ผู้เป็นพระพี่ชายที่วัดสามจุ่น ซึ่งอยู่ใกล้บ้านของท่าน และเมื่ออายุท่านครบ 20 ปี จึงได้อุปสมบทที่วัดปลายนา ตำบลปลายนา อำเภอศรีประจันต์ สุพรรณบุรี เมื่อวันที่ 1 เมษายน พ.ศ.2446 โดยมีพระครูธรรมสารรักษา (อ้น) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระปลัดดี วัดปู่เจ้า เป็นพระกรรมวาจาจารย์ พระอธิการช้าง เป็นพระอนุสาวนาจารย์ และจำพรรษาอยู่ที่วัดสามจุ่น ศึกษาพระธรรมวินัยและพระปริยัติธรรม พรรษาที่ 8 ท่านได้ย้ายมาจำพรรษาอยู่ที่วัดหลวง

หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน

หนุมานหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน หลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน พระเกจิอาจารย์ชื่อดังแห่งจังหวัดนนทบุรี ซึ่งน้อยคนนักที่จะไม่รู้จักท่าน โดยเฉพาะยิ่งเป็นนักนิยมสะสมพระเครื่อง เหรียญคณาจารย์ และเครื่องรางรุ่นเก่าๆ เหตุเพราะหลวงพ่อสุ่น ถือได้ว่าเป็นต้นตำนานการสร้าง “หนุมาน” ที่ทรงไว้ซึ่งความศักดิ์สิทธิ์ มีอานุภาพคุ้มครองป้องกันภัย เมตตามหานิยม ปรากฎเเก่ผู้ที่ครอบครองบูชา และ “หนุมานแกะหลวงพ่อสุ่น วัดศาลากุน” นั้น นับเป็นเครื่องรางของขลังที่ได้รับการยอมรับและเป็นที่นิยมสะสมไม่แพ้มีดหมอหลวงพ่อเดิม วัดหนองโพ และเขี้ยวเสือหลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย ซึ่งเป็นที่เลื่องลือและได้รับความนิยมอย่างสูงในวงการทีเดียวหลวงพ่อสุ่น จันทโชติ หลวงพ่อสุ่น จันทโชติ หลวงพ่อสุ่น จันทโชติ หรือ พระอธิการสุ่น เป็นชาวนนทบุรีโดยกำเนิด เกิดไม่ไกลจากวัดศาลากุนนัก แต่ไม่ได้มีการบันทึกประวัติของท่านเก็บไว้ ทราบเพียงเมื่ออุปสมบทแล้วท่านก็จำพรรษาอยู่ที่วัดศาลากุน และด้วยศีลาจารวัตรของท่านทำให้เป็นที่เคารพศรัทธาของชาวบ้านมาตั้งแต่พรรษาต้นๆ ที่ยังเป็นพระลูกวัดอยู่ ดังนั้น เมื่อเจ้าอาวาสมรณภาพลง ชาวบ้านจึงนิมนต์ให้ท่านรับตำแหน่งเจ้าอาวาสสืบ

เครื่องรางสายเสน่ห์ “อิ่น”

เครื่องรางสายเสน่ห์-“อิ่น”

เครื่องรางสายเสน่ห์ “อิ่น” ถ้าหากจะพูดถึงเกี่ยวกับเรื่องเครื่องรางแนวหุ่น หรือ ตุ๊กตา นั่นอยากจะขอเล่าถึงของอีกอย่างหนึ่ง ที่ถือได้ว่า เป็นเครื่องรางฮอตฮิตของคนเหนือล้านนา และเป็นหนึ่งในเครื่องรางที่นิยมทำในรูปแบบตัวตุ๊กตา นั่นก็คือ “อิ่น” หรือ บางแห่งก็ออกเสียงว่า “อิ้น” และ ได้มีบันทึกสืบทอดกันมาว่า แปลว่า “รักมาก” สำหรับในบ้านของเรา “อิ่น” นั่นจัดเป็นเครื่องรางสายเสน่ห์ที่พวกเราทุกคนคงจะคุ้นเคยกันดีแต่ไหนแต่ไร เพราะคนเหนือนั้น นิยมใช้ “อิ่น” ในการเป็นของเสริมเสน่ห์เมตตา เรียกคู่ เรียกรัก รวมทั้งช่วยเรียกเงินทอง คนทำมาค้าขายก็จะนิยมใส่อิ่นเอาไว้ในพกสตางค์ บ้างใช้วางเรียกแขกกันเห็นๆ เรื่องเล่า แม่เคยเล่าเรื่องราวประสบการณ์ว่า สมัยที่ยายเป็นแม่ค้านั่งตลาด ก็จะมีอิ่นประจำตัว เอาไว้เป็นของเรียกคน เรียกแขก ถ้าเปิดกระป๋องใส่สตางค์ จะมีอิ่นตัวเล็กๆ อยู่ในนั้ส่วนพ่อนั่น เป็นปู่อาจารย์ที่อยู่ กับ เรื่องคุณไสยศาสตร์มาแต่เดิมอยู่แล้ว ในหลายๆ ครั้งจึงจะมีคนมาขอให้ “ทำอิ่น” ให้ หรือ บางทีพ่อเองก็ไปได้อิ่นในลักษณะต่างๆ มาจากที่นั่นที่นี่ก็จะเก็บสะสมไว้แต่ความที่เป็นคนใจดีเวลามีคนมาขอก็มักจะยกให้ไ

ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ

ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ

ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ ตะกรุดหนังหน้าผากเสือ หลวงปู่นาค วัดแจ้ง พระพิมลธรรม วัดอรุณราชวราราม(วัดแจ้ง) ท่านเกิดเมื่อวันที่ 3 เดือน มกราคม พุทธศักราช 2415 ที่บ้านบางพูน จังหวัดปทุมธานี โยมบิดาชื่อนวล โยมมารดาชื่อเลื่อน เมื่อวันเด็กอายุพอสมควร ได้เรียนหนังสือกับครูฟ้อน พออ่านออกเขียนได้ พออายุได้ 12 ปี ได้บรรพชาเป็นสามเณรที่วัดสารพัดช่าง โดยมีเจ้าอธิการหว่าง ธมฺมโชติ เป็นพระอุปัชฌาย์ได้ศึกษาพระธรรมวินัยจนอายุครบบวช เจ้าอธิการหว่างจึงได้พามาถวายพระธรรมวโรดม (แดง) วัดสุทัศน์ (สมณศักดิ์ในสมัยนั้น) เมื่อปีมะโรง พ.ศ.2435 ท่านจึงได้อุปสมบทที่วัดสุทัศน์ โดยมีสมเด็จพระวันรัต (แดง) เป็นพระอุปัชฌาย์ พระครูธรรมานุสารี (หว่าง) วัดเทียนถวาย ปทุมธานี เป็นพระคู่สวด ได้รับนามฉายาว่า “สุมนนาโค” เมื่อบวชแล้วก็ได้ศึกษาพระปริยัติธรรมในสำนักสมเด็จพระวันรัต (แดง) และในสำนักพระยาธรรมปรีชา (ทิม) จนมีความรู้แตกฉาน เมื่อตอนปีพุทธศักราช 2433 ได้เข้าแปลพระปริยัติธรรมได้เป็นเปรียญ 4 ประโยค ปีพุทธศักราช 2437 ได้เข้าแปลพระปริยัติธรรมได้เปรียญ 6 ประโยค ปีพุทธศักราช 2441 ได้เข้าแปลพระปริยัติธรรม ได้เปรียญ 7 ป

เขี้ยวเสือ หลวงพ่อปาน

เขี้ยวเสือ หลวงพ่อปาน

เขี้ยวเสือ หลวงพ่อปาน วัดบางเหี้ย เป็นชื่อที่เรียกกันมาตั้งแต่สมัยโบราณในอดีตนั่น เนื่องจากบริเวณวัดนั่นจะมีตัวเงินตัวทองอยู่เป็นจำนวนมาก เพราะ เป็นเขตน้ำกร่อย ชื่อจริงๆ ของวัดคือ “วัดคลองด่าน” และ ที่เป็นทางการจะเรียกว่า ‘วัดมงคลโคธาวาส’ ตั้งอยู่ที่ ตำบล คลองด่าน จังหวัดสมุทรปราการ หลวงพ่อปาน ท่านก็เป็นชาวคลองด่านโดยกำเนิด เกิดขึ้นในปีพุทธศักราช 2370 ในรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว หรือ รัชกาลที่ 3 บิดา (พ่อ) ชื่อ ปลื้ม มารดา (แม่) ชื่อ ตาล ท่านบรรพชาเป็นสามเณรเมื่อครั้งในอายุ 15 ปี ที่ สำนักวัดอรุณราชวราราม และ ได้อุปสมบท โดยมี พระศรีสากยมุนี เป็นอุปัชฌาย์ ท่านศึกษาด้านวิปัสสนากรรมฐานรวมถึงไสยศาสตร์ นอกจากนี้ท่านยังสนใจในกรรมฐานเป็นอย่างมาก ท่านได้รับการถ่ายทอดจากคณาจารย์หลายองค์จนเชี่ยวชาญ โดยเฉพาะ หลวงปู่แตง เจ้าอาวาสวัดอ่างศิลา จังหวัด ชลบุรี พระเกจิผู้เก่งกล้าด้านวิปัสสนาธุระ ไสยเวทย์ และมนต์คาถาต่างๆ ก่อนกลับมาวัดมงคลโคธาวาส และได้รับการแต่งตั้งให้เป็นเจ้าอาวาสในเวลาต่อมา เครื่องรางของขลังของหลวงพ่อปาน ที่นับว่าเป็นเครื่องรางยอดนิยมของคนรุ่นเก่า คู่กับเบี้ยแก้หลวงปู