STORYREVIEW
ตำนาน เรื่องหลอน เรื่องลี้ลับ 2023

สัตว์มหัศจรรย์ในตำนาน”ก็อบลิน”

สัตว์มหัศจรรย์ในตำนาน

สัตว์มหัศจรรย์ในตำนาน ก็อบลิน (Goblin) Goblin (ก็อบลิน)  มีรูปร่างพิกลพิการ ชอบเล่นสนุก แต่บางครั้งเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมสามารถทำอันตรายแก่ผู้คน รอยยิ้มของก็อบลินทำให้เลือดหยุดไหล เสียงหัวเราะทำให้นมบูดและผลไม้หล่น ก็อบลินมีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส ก๊อปลินนั้นเป็นปีศาจ อาศัยอยู่ใต้ดิน ในตำนานเดิมของยุโรปเล่าถึง ก็อบลิน ว่า เป็นปีศาจร่างเล็ก (อาจจะสูงประมาณ 70 ซม.) ลักษณะคล้ายซากศพ บาง ตำนานก็กล่าวว่า ก๊อปลินรูปร่างจนมีหน้าตาอัปลักษณ์ไม่ชวนมอง ซึ่งหน้าตาหรือรูปร่างของพวกก๊อปลินจะเป็นเช่นไร มักขึ้นอยู่กับตำนานหรือของเชื่อของผู้คนในแถบนั้น โดยมีเรื่องเล่าในตำนานเกาหลีว่า โทแกบีจะลงโทษพวกที่กระทำความชั่ว หนึ่งในนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับชายชราคนหนึ่งที่อาศัยอยู่คนเดียวบนภูเขา เมื่อ โทแกบี ไปเยี่ยมบ้านเขา ชายชราก็สร้างความประหลาดใจด้วยการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้ โทแกบี และพวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนกัน โดยที่ชายชราไม่รู้ว่าคือ โทแกบี แต่วันหนึ่งชายชราเดินทางเข้าไปในป่าใกล้แม่น้ำและพบว่าเงาสะท้อนของเขาดูเหมือน โทแกบี ด้วยความกลัวเขาก็ตระหนักว่าเขาอาจจะกลายเป็นโทแกบี เขาจึงคิดแผนเพื่อป้องกันตัวเองจา

“เมดูซ่า”หญิงสาวในตำนานกรีก

เมดูซ่า (Medusa) หญิงสาวในตำนานกรีก ในตำนานของกรีกนั้น เมดูซ่า ( Medusa) เป็นผู้หญิงที่มีผมเป็นงู และเมื่อมีคนมองมาที่ใบหน้าเธอ (จ้องตา) คนผุ้นั้นจะกลายเป็นหิน ที่จริงแล้วก่อนที่เมดูซ่าจะมีความร้ายกาจดังที่เป็นที่เล่าขานกันมานั้น เมดูซ่านั้นเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงามมาก เมดูซ่า เป็นหนึ่งในลูกสาวทั้งสามของ เมทิสซึ่งเมทิสเป็นเจ้าแห่งสติปัญญาและสามารถแปลงร่างเป็นสิ่งต่างๆได้มากมาย แต่เดิมลูกทั้ง 3 ของเมทิสเป็นคนที่สวยงามมาก แต่แล้ววันหนึ่งเมทิสแม่ของเมดูซ่าถูกเทพ ซุส (Zeus) ข่มขืนและกลืนกินลงท้องไป และซุสจึงได้ใช้สติปัญญาและความสามารถทางการแปลงร่างของเมทิสเพิ่มอำนาจให้กับตนเอง พลังอำนาจนั้นทำให้เทพซุสยิ่งใหญ่เหนือเทพทั้งปวง และต่อมาเทพธิดา อาเธน่า (Athena) ได้ถือกำเนิดขึ้นมาจากการที่พลังของเมทิสทะลักออกมาทางหน้าผากของซุส เมื่อเอเทน่าได้กำเนิดขึ้นพร้อมกับความสามารถทางสติปัญญาของเมทิสผู้เป็นแม่ และเอเทน่าก็ถือเมดูซ่าพี่น้องร่วมสายเลือดแม่ เป็นศัตรูคนสำคัญ อยู่มาวันหนึ่งเมดูซ่าที่เป็นสาวงาม มีชายหลายคนหมายปองเป็นเจ้าของ ก็ได้ไปบูชาเทพเอเทน่ายังวิหารของเอเทน่า แล้วเทพโพไซดอน (Poseidon) ก็เ

บ้านพิศวง”วินเชสเตอร์”

บ้านพิศวง

บ้านพิศวง วินเชสเตอร์ ( Winchester ) หญิงสาวที่แต่งงานกับ วิลเลียม วินเชสเตอร์ (William Winchester) ทายาทปืนไรเฟิลยี่ห้อ Winchester และก็ต้องพบกับเรื่องราวน่าสงสาร เพราะลูก สามี และพ่อตาเสียชีวิตไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งเธอไว้กับมรดกเพียงลำพัง เธอเลยตัดสินใจซื้อบ้านหลังหนึ่ง ซึ่งต่อมาได้ชื่อว่า Winchester Mystery House บ้านวินเชสเตอร์ (WINCHESTER) (วินเชสเตอร์) คฤหาสน์อาถรรพ์ในตำนานที่ถูกขนานนามโด่งดังเป็นที่รู้จักว่า “ลึกลับและพิศวงที่สุดในโลก” ตั้งอยู่ที่เมืองซานโฮเซ่  รัฐแคลิฟอร์เนีย ในประเทศสหรัฐอเมริกา ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของ ซาร่า วินเชสเตอร์ แม่ม่ายสาวเจ้าของอาณาจักรปืนไรเฟิลวินเชสเตอร์  สถาปัตยกรรมที่ก่อสร้างตามสไตล์วิคตอเรียน ด้วยความลึกลับอันน่าพิศวงทำให้ถูกยกย่องเป็นมรดกทางประวัติศาสตร์และเปิดให้บุคคลทั่วไปเข้าเยี่ยมชม  โดยมีเรื่องเล่าสืบต่อกันมาว่าบ้านหลังนี้ถูก ซาร่า วินเชสเตอร์ ออกแบบขึ้นเพื่อกักขังวิญญาณอาฆาตที่ถูกปืนจากบริษัทสามีของเธอฆ่าตาย   โดยเธอได้ทำการก่อสร้างบ้านหลังนี้อย่างต่อเนื่องตลอด 24 ชั่วโมง โดยไม่มีการหยุดพักจนกระทั่งวันสุดท้ายของชีวิต  และว่ากันว่าสาเหตุที่ค

ชนเผ่าชาวอินคา

ชนเผ่าชาวอินคา

ชนเผ่าชาวอินคา จักรวรรดิอินคา (ภาษาอังกฤษ: Inca Empire; ภาษาสเปน: Imperio Incar) (คริสศักราช 1438-1533) เป็นจักรวรรดิโบราณที่ใหญ่ที่สุดในทวีปอเมริกาใต้ในยุคก่อนโคลัมบัส จักรวรรดิอินคามีอำนาจมากในบริเวณที่ราบสูงของประเทศเปรูในช่วงต้นคริสต์ศตวรรษที่ 13 ในช่วงปีคริสศักราช 1438 ถึงในปีคริสศักราช 1533 อินคาขยายอาณาจักรโดยทั้งสันติวิธีและวิธีทางการทหาร จนสามารถปกครองดินแดนส่วนใหญ่ทางด้านตะวันตกของทวีปอเมริกาใต้ซึ่งในปัจจุบันคือประเทศเปรู ประเทศเอกวาดอร์ ตอนใต้ของประเทศโคลอมเบีย ภาคตะวันตกและภาคใต้ของประเทศโบลิเวีย ตอนเหนือของประเทศชิลี และบริเวณตะวันตกเฉียงเหนือของประเทศอาร์เจนตินา ชาวอินคาเชื่อว่ากษัตริย์ของตนเป็น “บุตรของพระอาทิตย์” ภาษาราชการคือภาษาเกชัว ชื่อของจักรวรรดิอินคาในภาษาเกชัว คือ “ตาวันตินซูยู” ซึ่งมีความหมายว่าภูมิภาคทั้งสี่ของชนเผ่าชาวอินคาส่วนมากนับถือลัทธิบูชาเทพเจ้าถาวร จักรวรรดิอินคาถูกแบ่งออกเป็นสี่เขต โดยมีศูนย์กลางอยู่ที่เมืองกุสโก ซึ่งเป็นทั้งศูนย์กลางการปกครอง การเมือง และ การทหาร อารยธรรมอินคา ชาวอินคาไม่มีการประดิษฐ์ตัวอักษร แต่ชาวอินคามีกา

ชนเผ่าชาวมายา Maya

ชนเผ่าชาวมายา Maya

ชนเผ่าชาวมายา Maya หากเอ่ยถึงชื่อ มายา (Maya) แล้วละก็ เชื่อว่าคงไม่มีใครไม่รู้จักอารยธรรมเก่าแก่แห่งอเมริกากลางเป็นแน่ แท้จริงแล้วมายาเป็นชื่อที่ชาวตะวันตกใช้เรียกจักรวรรดิโบราณที่เจริญรุ่งเรืองตั้งแต่สมัยก่อนคริสตกาลจนถึงคริสต์ศตวรรษที่ 17 ศูนย์กลางของจักรวรรดิมายาอยู่ที่ เมืองติกาล (Tikal) ทางตอนเหนือของประเทศกัวเตมาลาในปัจจุบัน นอกจากนี้จักรวรรดิมายายังมีเมืองสำคัญอีกหลายแห่งกระจายกันอยู่ในประเทศเม็กซิโก กัวเตมาลา เบลิซ ฮอนดูรัส และเอล ซัลวาดอร์ จึงอาจเรียกได้ว่า อารยธรรมมายาเป็นรากฐานประวัติศาสตร์อเมริกากลางทั้งหมด ชนเผ่าชาวมายานั่นนับว่าเป็นนักประดิษฐ์ที่คิดค้นระบบต่างๆ มากมาย พูดง่าย ๆ คือ ชนเผ่ามายานั่นมีความเฉลียวฉลาดเป็นอย่างมาก และ มีการสร้างสรรค์ผลงานมากมาย ไม่ว่าจะเป็นตัวอักษรภาพ ระบบเลข การคำนวณ หน่วยนับ ปฏิทิน รวมถึงการทำนายการเกิดปรากฏการณ์ธรรมชาติเช่นสุริยุปราคาและจันทรุปราคาอย่างแม่นยำ ปฏิทินของชาวมายาเป็นหนึ่งในปฏิทินโบราณที่มีจำนวนวันต่างๆ ใกล้เคียงกับปฏิทินเกรกอเรียนที่ใช้กันในปัจจุบันมากที่สุด นอกจากความก้าวหน้าทางศาสตร์ความรู้ต่างๆ แล้ว ชาวมายายังมีความเชี่ยวชาญ

ชนเผ่าอินเดียแดง

ชนเผ่าอินเดียแดง

ชนเผ่าอินเดียแดง ชนพื้นเมืองในทวีปอเมริกา หรือ อินเดียนแดง หรือ ชนพื้นเมืองชาวอเมริกัน (อังกฤษ: Indigenous people of the Americas หรือ Red Indian หรือ Native American) เป็นกลุ่มคนที่อาศัยในทวีปอเมริกามานานก่อนที่ชาวยุโรปจะเข้ามาอพยพย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกราก ในอดีตได้มีสงครามเกิดขึ้นมากมายในทวีปอเมริกาเหนือและอเมริกาใต้ ในการแย่งชิงดินแดน การต่อสู้ รวมถึงการค้าที่เกิดขึ้นระหว่างชาวยุโรป กับชาวอินเดียนแดง บรรพบุรุษของชนพื้นเมืองอเมริกันสมัยใหม่มาถึงทวีปอเมริกา ตั้งแต่ 15,000 ปีก่อนที่ชาวยุโรปจะค้นพบ มีการสันนิษฐานว่าอาจจะอพยพมาจากทวีปเอเชียผ่านช่องแคบเบริง โดยมีการพัฒนาการทางสังคมและวัฒนธรรมที่หลากหลายในเวลาต่อมา ชนพื้นเมืองอเมริกันได้รับผลกระทบอย่างมากจากการทำให้เป็นอาณานิคมของยุโรปในทวีปอเมริกา ซึ่งเริ่มต้นในปี ค.ศ. 1492 และทำให้ประชากรลดลงอย่างมากเนื่องจากโรคที่ถูกแพร่จากชาวยุโรป สงครามการยึดดินแดนและการตกเป็นทาส หลังจากการก่อตั้งของสหรัฐอเมริกาอเมริกันพื้นเมืองจำนวนมากต้องเสียชีวิตจากสงครามและเกิดสนธิสัญญาที่ไม่เป็นธรรมส่งผลให้พวกเขายังคงได้รับความทุกข์ทรมานจากการเลือกปฏิบัตินโยบายของร

ตำนานม้ายูนิคอร์น

ตำนานม้ายูนิคอร์น

ตำนานม้ายูนิคอร์น สัตว์แปลกประหลาดตัวนี้ดูเหมือนเป็นสัตว์พิศวงจับจินตนาการคนทั่วโลกในบัดนี้ไปเสียแล้วนั่นคือ ยูนิคอร์น (Unicorn) เป็นม้าในตำนาน และ ยังนับกันว่ามันเป็นม้าที่สวยงามที่สุดอีกด้วย มันจะปรากฏในตำนานซึ่งกล่าวว่าน่าจะอยู่แถบป่าตอนเหนือของยุโรปทั่วไปหมด ยูนิคอร์น Unicorn เป็นม้าสีขาวบริสุทธิ์ แต่สิ่งที่ทำให้มันงดงามเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดเห็นทีว่าน่าจะเป็น “เขา” ของยูนิคอร์นนั่นเอง ซึ่งมีลักษณะบิดเป็นเกลียวงอกมากลางหน้าผากเขาเดียว ซึ่งก็เป็นที่มาของชื่อ ยูนิคอร์น ซึ่งแปลว่า เขาเดียว ลักษณะอันมีเสน่ห์นี้ละครับ ทำให้เจ้าเมืองหรือขุนนางสมัยกลางนิยมเอารูปลักษณ์ไปเป็นตราเมือง หรือตราตระกูลเสียเลย ว่ากันว่ายูนิคอร์นมีฝีเท้าเบากริบ จึงไม่มีใครเคยเห็นรอยเท้าของมันแม้แต่ในที่ลุ่มชื้นแฉะ และลักษณะแปลกอย่างหนึ่งคือมันเป็นสัตว์รักสันโดษผิดกับสัตว์กีบทั้งหมดในโลก แต่ละตัวจะเลือกอยู่โดดเดี่ยวไม่รวมฝูงในป่าอันห่างไกล เว้นแต่ตอนจับคู่กันเท่านั้น เรียกว่าเมื่อความสัมพันธ์อันหวานชื่นผ่านไป แต่ละตัวก็จะแยกไปตามทาง ลูกม้าเกิดใหม่ยังไม่มีเขางอก และจะอยู่กับแม่ของมันจนเขางอกยาวเต็มที่จึงจะแยกไปใช้ช

เปิดตำนานเพกาซัส

เปิดตำนานเพกาซัส

เปิดตำนานเพกาซัส เพกาซัส (Pegasus) (ในภาษากรีก : Πήγασος; เปกาซอส หมายถึง “ความแข็งแรง”) เป็นสัตว์ในเทพปกรณัมกรีก เป็นม้าเพศผู้รูปร่างกำยำ ร่างกายมีสีขาวบริสุทธิ์ และ มีปีกอันกว้างสง่างามเหมือนดั่งนกพิราบ เพกาซัสเกิดมาจากนางกอร์กอน เมดูซ่า ซึ่งถูกวีรบุรุษเพอร์ซิอุสฟันคอ ในขณะที่เลือดจากลำคอพุ่งกระเซ็นนั้น เพกาซัสก็กระโจนออกมาจากลำคอของนาง เพกาซัสเป็นพี่ของคริสซาออร์ ซึ่งก็เกิดมาหลังจากนั้น ไม่มีใครสามารถปราบเพกาซัสได้เลย ตอนที่เพกาซัสเกิดมาใหม่ ๆ และออกวิ่งอย่างคึกคะนองนั้น น้ำที่กระเซ็นจากรอยเท้าที่เพกาซัสวิ่งก่อให้เกิดน้ำพุสวยงามที่เหล่ากวีและศิลปินชื่นชมกันนักหนา คือ น้ำพุฮิปโปครีนี ที่เป็นที่รู้จักในวรรณคดีกรีกโบราณ ว่ากันว่า หากใครได้ดื่มน้ำพุนี้แล้ว โอกาสที่จะเป็นกวีเอกอยู่แค่เอื้อม นอกจากนี้แล้วเพกาซัสยังทำหน้าที่คอยเก็บสายฟ้าให้ซุส เพกาซัส (Pegasus) เป็นหนึ่งในสัตว์ที่ปรากฎในเทพนิยายกรีก เพกาซัสมีรูปร่างเป็นม้ากำยำพ่วงพีสีขาวบริสุทธิ์ และ มีปีกใหญ่โตราวกับนกพิราบ คล้าย ๆ กับ ม้ายูนิคอร์น เมื่อกล่าวถึงประวัติความเป็นมาของเพกาซัส จะค่อนข้างน่าขนลุกสักเล็กน้อย เริ่มต้

ตำนานเนสซีแห่งทะเลล็อกเนสส์

ตำนานเนสซีแห่งทะเลล็อกเนสส์1

ตำนานเนสซีแห่งทะเลล็อกเนสส์ เนสซี หรือ สัตว์ประหลาดล็อกเนสส์ (Nessie, Loch Ness Monster) คือ สิ่งมีชีวิตที่ลึกลับขนาดใหญ่ชนิดหนึ่งที่เชื่อว่าอาศัยอยู่ในทะเลสาบเนสส์ (Loch Ness) ในสกอตแลนด์ สหราชอาณาจักร (ประเทศอังกฤษ) เนสซี โดยชื่อ “เนสซี” Niseag เป็นชื่อเรียกเล่น ๆ ของสิ่งมีชีวิตลึกลับนี้ โดยเป็นชื่อที่ดัดแปลงมาจากคำว่าล็อกเนสส์ ในช่วงทศวรรษที่ 1940 รวมกันกับชื่อที่เป็นที่นิยมของหญิงสาวในท้องถิ่น คือ “แอ็กเนส” (Agnes) ในวันที่ 4 เดือน สิงหาคม คริสศักราช 1932 ข่าวในหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นรายงานเรื่องการแต่งงานของ น.ส. เนสซี คลาร์ก ลักษณะของเนสซี เชื่อว่าเนสซีนั่นมีรูปร่างคล้ายๆ กับ เพลสิโอซอรัส หรือ อีลาสโมซอรัส สัตว์เลื้อยคลานที่อาศัยในทะเลยุคเดียวกัน กับ ไดโนเสาร์ มีผู้อ้างว่าเคยพบเห็นถึงปัจจุบันกว่านับไม่ถ้วน และมีรูปถ่ายทั้งภาพนิ่งและภาพยนตร์มากมาย โดยหลักฐานแรกสุดที่มีบันทึกถึงเนสซี คือ บันทึกของอดัมแนน ระบุว่า ในวันที่ 22 เดือน สิงหาคม คริสศักราช 565 นักบุญโคลัมบา ขณะเดินทางมาสู่ที่ราบสูงสกอตแลนด์เพื่อดึงพวกนอกรีตเข้าสู่ศาสนา ท่านได้ทำพิธีไล่ปีศาจแม่น้ำที่อา

ตำนานอิกซิออน

ตำนานอิกซิออน

ตำนานอิกซิออน ย้อนกลับไปในสมัยโบราณนั่นมีผู้คนจำนวนมากที่พยายามอธิบายปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่แปลกประหลาดที่สุด และ ปรากฏการณ์ทางอุตุนิยมวิทยาบางอย่าง สำหรับเรื่องนี้เขาให้คำอธิบายว่าสาเหตุของที่มาของปรากฏการณ์ทางอุตุนิยมวิทยาและ ธรรมชาตินี้คือการกระทำของเทพเจ้าในตำนาน เทพเจ้าเหล่านี้ได้กระทำในดินแดนของมนุษย์ด้วยความตั้งใจบางอย่าง ได้มีผู้เชี่ยวชาญชาวอิตาลีมีหน้าที่อธิบายรัศมี 22º ในเทพนิยายกรีกโรมัน ผู้เชี่ยวชาญชาวอิตาลีผู้ค้นพบมีชื่อว่า Paolo Coloma และ เป็นที่รู้จักกันในชื่อ อิกซิออน เรื่องราวของอิกซิออน อิกซิออน Ixion เป็นพระราชาในตำนานของเทสซาลีที่มีชื่อเสียงในฐานะราชาที่ไม่ดี เขาไม่เพียง แต่เป็นกษัตริย์ที่ไม่ดี แต่เขายังเป็นคนเลวอีกด้วย เขาได้แต่งงานกับ Dia ซึ่งเป็นลูกสาวของ Eioneus แต่การให้ของขวัญตามที่ต้องลงสัญญากันไว้ที่จะให้กับดินแดนใหม่ของเขาถูกมองข้ามไป ในเวลานั้นมีธรรมเนียมปฏิบัติ และ เป็นการให้ของขวัญแก่ลูกเขยในงานแต่งงาน การที่อิกซิออนไม่ยอมเลิกลาระหว่างงานแต่งงานทำให้เกิดการทะเลาะกันจนส่งผลกระทบให้เกิดการต่อสู้กันและได้จบลงด้วย Ixion โยน Eioneus ลงในหลุมถ่านที่เผาด้วยไ