หนังเสือไฟใช้กันผี
หนังเสือไฟใช้กันผี เหมือนกลิ่นสาบสางของเสือไฟ บางอย่างข่มผีวิญญานแบบอ่อนๆ บ้างบอกว่าผีจะเห็นในมิติมันเป็นเหล็กแหลมคมๆแบบพุ่มเข็ม แต่เอาจริงๆเสือไฟตัวมันน่อยนึง ทำนองแมว แต่ก็ว่าไม่ได้ ทหารตัวใหญ่กล้ามแน่นสูง 180 กว่า อาจจะก้มหน้างุดๆ หงอยๆ เมื่อเมียเด็กอายุอ่อนกว่า ขาวหมวยนมใหญ่ตัวเล็กๆเอวคอดๆ ตะโกนทำเสียงแข็งดังแอ๊วๆ ตอนเมนส์มา การใช้หนังเสือกันผี ทางด้านกันผีกันพรายกันอันตราย,มหาอำนาจของตบะเสือนั่นเอง บางสำนักนำไปทำเคล็ด วางลาดให้พระภิกษุเทศนาธรรม หรือ วางลาดให้พระพุทธรูปนั่งสวดมนต์ในโบสถ์วิหาร แล้วจึงพลีมา นานาจิตตังแล้วแต่สำนักเด้อ…ใครได้ตะกรุดหนังเสือไฟหรือของทางเสือไฟมา ไม่รู้ส่าพลีมาดีรึไม่ เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ถ้ามีอยู่กับตัวแล้ว จะเจอกับสิ่งที่ดีในชีวิต แนะนำให้ทำบุญ กรวดน้ำให้วิญญานเจ้าของชิ้นส่วนนำมาทำคือพวกเสือไฟตัวนั้น และครูบาอาจารย์ผู้เสกผู้สร้างตะกรุด เป็นดีที่สุด โดดเด่นไปในด้านทางมหาอำนาจสูง สามารถป้องกันภัย และ แคล้วคลาด คงกระพันโดยถือเอาสัญชาตญาณของเสือที่เป็นสัตว์ที่มีพลังอำนาจมาก เป็นสัตว์ที่ถือว่าเป็นสัคว์ขนาดใหญ่และยังเป็นใหญ่ในป่า เป็นสัตว์ป่าที่
ความขลังของข้าวสารเสก
ความขลังของข้าวสารเสก ข้าวสารเสก เป็น เครื่องราง ของขลังศักดิ์สิทธิ์ที่มักพบเห็นตามภาพยนตร์หรือสื่อต่างๆ ซึ่งพวกหมอผีจะใช้ในการปราบวิญญาณชั่วร้ายโดยการปาใส่ บ้างก็ใช้ในการประกอบพิธีกรรมต่างๆ ถึงแม้ภายนอกจะเป็นเพียงข้าวสารธรรมดา แต่แท้จริงแล้วข้าวสารเสกพิเศษกว่านั้นมาก และในทางคุณไสยสามารถทำอะไรได้เยอะแยะกว่าปาใส่ผี ข้าวสารเสก เคยถูกกล่าวถึงในวรรณคดีไทยเลื่องชื่ออย่าง ขุนแผน โดยขุนแผนพระเอกของเรื่องที่มีวิชาอาคมแกร่งกล้าได้ปาข้าวสารเสกเข้าไปในเรือนขุนช้าง เพื่อสะกดให้ทุกคนบนเรือนหลับ แล้วย่องไปลักพาตัวนางวันทองมา โดยข้าวสารเสกที่ขุนแผนใช้นั้น คือ ข้าวสารย้อมว่านยาหรือที่เรียกว่า ข้าวพิรอด เป็นข้าวเปลือกที่รอดพ้นกรรมวิธีต่างๆ จนกลายเป็นข้าวเม็ดขาว ซึ่งในปัจจุบัน ข้าวสารเสกก็ยังคงมีอิทธิพลต่อพิธีกรรมต่างๆ ทั้งทางศาสนาและทางไสยศาสตร์ เช่น ในงานมงคลขึ้นบ้านใหม่จะมีการนำข้าวสารเสกมาวางไว้สี่มุมบ้าน เพื่อเป็นสิริมงคลเสริมฮวงจุ้ยหรือในงานบุญก็จะมีการปลุกเสกข้าวสารเสก เพื่อแจกจ่ายเป็นของที่ระลึกหรือโปรยไปตามที่ต่างๆเช่นเดียวกับการพรมน้ำมนต์ เพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายด้วย ทางไสยศาสตร์หากนำไปปลุกเส
ความเชื่อรูปปั้นช้าง
ความเชื่อรูปปั้นช้าง คนไทยนิยมนำเอารูปปั้นสิงห์สาราสัตว์ต่างๆ มาตกแต่งประดับไว้ภายในบ้านโดยเฉพาะบริเวณหน้าบ้าน โดยแต่ละบ้านแต่ละครอบครัวก็จะมีความเชื่อเกี่ยวกับสัตว์ที่แตกต่างกันออกไป อย่างเช่นบางคนนิยมนำเอารูปปั้นสิงโตมาวางไว้บริเวณทางเข้าบ้านเพื่อเป็นการแก้เคล็ดและดึงดูดโชคลาภให้กับคนในบ้าน บางทีเราก็เห็นเป็นรูปปั้นม้า และอีกหนึ่งชนิดที่ได้รับความนิยมจนเห็นจนชินตานั่นก็คือ รูปปั้นช้าง นั่นเอง หลายคนอาจสงสัยว่ามันมีความหมายอย่างไรกันแน่ วันนี้เราจึงจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับรูปปั้นของสัตว์ชนิดนี้ให้มากขึ้นกัน ช้างเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมืองของคนไทยมาตั้งแต่ยุคสมัยโบราณ คนสมัยก่อนเมื่อจะไปออกรบหากไม่มีช้างการจะสู้รบชนะได้นั้นเป็นเรื่องยาก หลายต่อหลายครั้งช้างได้กลายเป็นวีรบุรุษในสนามรบที่ช่วยให้ประเทศไทยของเรามีชัยชนะเหนือคู่ต่อสู้ได้สำเร็จ เป็นสัญลักษณ์ของความอุดมสมบูรณ์ อุดมไปด้วยสติปัญญา พลัง ความโชคดี ดังนั้นคนไทยจึงนิยมนำเอารูปปั้นช้างมาวางภายในบ้านเพื่อดึงดูดสิ่งดีๆ เข้าสู่บ้านตามความเชื่อของคนไทย โดยเฉพาะการวางบริเวณใกล้ประตูที่มีความหมายอยู่ 2 อย่างนั้นก็คือ หากอยู่บริเวณโถงทา