เรื่องราวอัศวินไร้หัว
เรื่องราวอัศวินไร้หัว ไม่ใช่แค่ในบ้านเราเท่านั้นที่เชื่อว่าผีหัวขาดมีจริง ในต่างประเทศก็มีตำนานเล่าขานอันยิ่งใหญ่ของผีหัวขาดด้วยเหมือนกัน เพียงแต่ว่ามันไม่ได้เป็นผีที่ตามหลอกหลอนผู้คนโดยไร้สาเหตุ แล้วก็ดูเหมือนจะไม่ใช่ผีเร่ร่อนที่ไม่ยอมไปผุดไปเกิดด้วย เจ้าผีหัวขาดที่เรากำลังพูดถึงอยู่นี้มีชื่อว่า ดูลาฮาน เป็นผีหัวขาดที่ได้รับการยกย่องว่าเป็นอัศวินแห่งรัตติกาลเลยทีเดียว เขาจะไม่ได้เดินมาแบบธรรมดาๆ แต่จะมาพร้อมม้าคู่ใจกับดาบเล่มยาวที่มีความคมยิ่งกว่าดาบไหนๆ การแต่งกายเป็นเหมือนกับอัศวินในยุคกรีกโรมันทุกประการ เสื้อเกราะ ปลอกแขน ปลอกขา รองเท้าและผ้าคลุม ล้วนเป็นสีดำสนิทที่มีกลิ่นไอแห่งความตายคละคลุ้ง ว่ากันว่าดูลาฮานเป็นทูตแห่งความตาย เขาจะไปหาคนที่ถึงวาระและเป็นคนไม่ดี ตามหลอกหลอนและเอาชีวิตจนเสร็จสิ้น บางคราวดูลาฮานจะถือดาบเพื่อฟาดฟัน แต่บางคราวก็จะถือแส้เพื่อหวดให้ม้าของเขาพุ่งทะยานไปข้างหน้าได้เร็วดังใจ แม้ว่าหัวของดูลาฮานจะไม่ได้อยู่บนบ่า แต่เขาก็ใช้มือขวาประคองหัวของตัวเองเอาไว้ตลอดเวลา ความน่ากลัวอยู่ที่การเปลี่ยนแปลงใบหน้าของดูลาฮานนี่เอง ตามตำนานเล่าว่าดูลาฮานมีใบหน้าอยู่ 2 แบบ
ตำนานแม่มด
ตำนานของแม่มด ภาพจินตนาการเกี่ยวกับแม่มดของแต่ละคนเป็นอย่างไรกันบ้าง เป็นผู้หญิงสูงอายุ จมูกแหลมๆ แล้วก็ใส่หมวกทรงสูงหรือเปล่า หรือว่าเป็นสาวสวยที่แปลงร่างได้หลายอย่าง ดูเหมือนเธอเป็นคนใสซื่อบริสุทธิ์แต่แท้จริงแล้วร้ายกาจน่ากลัว ไม่ว่าแม่มดในจินตนาการจะเป็นแบบไหน แต่จากหลักฐานเกี่ยวกับตำนานในอดีต มีประวัติของแม่มดหลายคนที่บ่งบอกว่าพวกเธอมีพลังงานอำนาจอันน่ากลัว ซึ่งนี่ก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งของแม่มดที่แสดงตัวตนให้เราได้รู้จักกันเท่านั้น ยังมีอีกมากนักที่อาจจะแฝงตัวอยู่ในกลุ่มพวกเราก็ได้ อย่างไรก็ตามลองไปดูกันดีกว่าว่าแม่มดแต่ละคนมีวีรกรรมอะไรน่าสนใจบ้าน แม่มด Moll Dyer ปกติแล้วคนที่เป็นแม่มดก็ไม่น่าจะอยากแสดงตัวให้ใครต่อใครได้รู้ฐานะที่แท้จริง แต่ไม่รู้ด้วยเหตุผลใดที่ทำให้หญิงสาวที่ชื่อ Moll Dyer ต้องถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด และอย่างที่เรารู้กันว่าการจัดการแม่มดในสมัยก่อนค่อนข้างโหดร้ายแค่ไหน ชาวบ้านพากันไปเผาบ้านของเธอ หวังให้เธอได้ตายจากไปในที่สุด ผลกลับออกมาว่าเธอสามารถหนีเอาชีวิตรอดจากสถานการณ์นั้นไปได้ สิ่งที่เธอตอบสนองคืนให้กับชาวบ้านก็คือสาปให้ทุกคนเผชิญกับโรคร้ายภายใต้ฤดูกาลอันเลวร
ประวัติและตำนานการล่าแม่มด
ประวัติและตำนานการล่าแม่มด ในยุคกลางของยุโรป หรือ ที่เรียกกันว่า ยุคมืด คือ ยุคที่อยู่ใต้การปกครองของศริสตจักร แม่มดถูกประนามว่าเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้าย เป็นสมุนของซาตาน จึงมีการไล่ล่าเพื่อกวาดล้างแม่มดอย่างเอาเป็นเอาตายจากบรรดาบาทหลวง ไม่ว่าจะเกิดเหตุร้ายผิดปกติอะไร เช่น ภัยธรรมชาติ โรคระบาด หรือ คนตายโดยไม่ทราบสาเหตุ มักจะมีการกล่าวหาว่าเป็นผลงานของแม่มด และ จะมีการระดมกำลังกันตามหาผู้ต้องสงสัย ซึ่งส่วนใหญ่มักจะเป็นแพะรับบาป การกล่าวหาส่วนใหญ่เป็นไปอย่างเลื่อนลอย หลักเกณฑ์ที่ใช้ในการพิจารณาดูแล้วน่าสมเพช ใช้แค่การดูรูปลักษณ์ภายนอก ใครที่ดูแปลกๆกว่าคนอื่น จะโดนกล่าวห้องกล่าวหาได้ง่ายๆ เหยื่อส่วนใหญ่คือผู้หญิง โดยเฉพาะหญิงแก่ชรา มักถูกกล่าวหาว่าเป็นแม่มด และ ถูกลากมาเผาประจานทั้งเป็นอย่างน่าอเน็จอนาถ ไม่ใช่แต่คนที่มีหน้าตาอัปลักษณ์เท่านั้น ผู้ที่มีหน้าตางดงาม สวยเกินไปก็มักถูกข้อกล่าวหานี้เช่นกัน เพราะสงสัยว่าเอาวิญญานเข้าแลกกับเรือนร่างอันน่างดงาม แถมผู้ชายในสมัยนั้นยังชอบทารุนกรรมผู้หญิง โดยยกข้ออ้างจากไบเบิลขึ้นมาอ้างว่า ” สูเจ้าจะต้องไม่ทรมานแม่มดด้วยการปล่อยให้มีชีวิต t