ประวัติพระร่วงหลังรางปืนแตกกรุ
ประวัติพระร่วงหลังรางปืนแตกกรุ พระที่พบมีจำนวนไม่เกิน 200 องค์ และกว่าครึ่งหนึ่งเป็นพระที่ชำรุดแตกหัก ที่สมบูรณ์สวยงามจริงๆมีไมมากนัก ซึ่งจะอยู่ในครอบครองของผู้มีชื่อเสียง ผู้มีบารมีและฐานะดี โดยต่างคนก็หวงแหนพระร่วงพิมพ์นี้กันมาก ทั้งนี้ก็เพื่อเป็นสิริมงคลแห่งชีวิต ในการบูชาคุ้มครองเสริมบารมี ถึงกับบางท่านไม่ยอมเปิดเผยว่าเป็นผู้มีพระพิมพ์นี้ แต่ก็มีบางท่านยอมเปิดเผย เพื่อเป็นวิทยาทานสู่สาธารณชน อันเป็นการอนุรักษ์พระกรุเก่าสืบทอดให้คนรุ่นหลังได้รับรู้ต่อไป พระร่วงหลังรางปืน พุทธลักษณะเป็นพระยืนปางประทานอภัย ( นักสะสมบางท่านมักจะเรียกว่าปางประทานพร ) ศิลปะเขมรยุคบายน อยู่ในลวดลายของกรอบซุ้ม ลักษณะของยอดซุ้มเป็นลายกนก แบบซุ้มกระจังเรือนแก้ว ด้านหลังขององค์พระพิมพ์นี้มีลักษณะพิเศษคือ มีรางร่องกดลึกลงไปเป็นรางร่องยาวตามองค์พระ นักนิยมพระเครื่องในสมัยแรกที่พระแตกกรุออกมาใหม่ๆ จึงเรียกพระพิมพ์นี้ว่า “พระร่วงหลังกาบหมาก” ต่อมาได้มีผู้นำพระพิมพ์นี้ไปใช้ติดตัว ทำให้เกิดความแคล้วคลาดจากภยันตรายในเรื่องปืน มีประสบการณ์ ยิงไม่ออก ยิงไม่เข้า ยิงไม่ถูก ทำให้ผู้คนในสมัยต่อมาเรียกพระพิมพ์นี้ว่า “พระร
ตำนานงูยักษ์แปดหัว
ตำนานงูยักษ์แปดหัว เทพวายุซูซาโนโอะ ใช้ค่ายกลประตูแปดบาน วางไหเหล้าสาเกไว้ทุกประตูบ้านและนำหญิงสาวคนอื่นในหมู่บ้านซ่อนไว้ด้านในสุด เมื่อยามาตะ โน โอโรจิเห็นไหสาเกก็ไม่รอช้าที่จะพุ่งหัวทั้งแปดเข้าไปในประตูทุกบานและงับไหเหล้า ส่งผลให้ ซู ซาโนโอะสามารถตัดหัวงูยักษ์ทั้งหมดได้ เมื่อปราบงูยักษ์สำเร็จ เขาพบกับดาบวิเศษที่ฝังอยู่ในหางของงู เขาจึงนำดาบที่ว่าเก็บกลับไปให้เทพีอามาเทราสุแห่งพระอาทิตย์ซึ่งเป็นน้องสาวให้เป็นผู้เก็บไว้ ซึ่งเทพีอามาเทราสุเป็นต้นตระกูลของจักรพรรดิญี่ปุ่น และดาบวิเศษที่ชื่อว่าคุซานางิก็เป็นดาบประจำตระกูลที่อยู่คู่บัลลังก์และส่งต่อมายังรุ่นสุ่รุ่นจนถึงยุคปัจจุบัน สมัยสมเด็จพระจักรพรรดิเคโกะ จักรพรรดิองค์ที่ 12 ของญี่ปุ่นมีลูกชายฝาแฝดชื่อทาเครุทั้งสองคน เมื่อทั้งคู่อายุได้ 15 ปี พี่น้องเกิดฆ่ากันเองโดยไม่มีใครทราบสาเหตุ ทำให้พระบิดาไม่พอใจเป็นอย่างมากแต่ไม่กล้าทำอะไรเพราะกลัวไม่มีผู้สืบทอดบัลลังก์ จึงตัดสินใจส่งโอรสองค์เดียวที่เหลือไปปราบกบฎทางตอนใต้สุดของอาณาจักร ก่อนที่ทาเครุจะออกเดินทางเขาได้แวะขอพรกับเจ้าป้าที่เมืองอิเซะพร้อมได้ดาบ เสื้อคลุม และผ้านุ่งสำหรับออกศึก หล
ผีลึกลับสเลนเดอร์แมน
ผีลึกลับสเลนเดอร์แมน สเลนเดอร์แมน นั้นมักจะปรากฎตัวออกมาในรูปลักษณ์ของผู้ชาย ที่ดูแล้วมีลักษณะสูงเกินคนปกติทั่วไป แขนและขาของสเลนเดอร์แมนนั้นนับรวมกันแล้วจะมีตั้งแต่ 4 ถึง 8 ข้าง และแต่ละข้างก็จะมีสีดำราวกับว่ามันงอกออกมาจากกลางหลัง และยังมีภาพถ่ายจำนวนมากที่ยืนยันว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง และได้มีคนสันนิษฐานอีกด้วยว่า สเลนเดอร์แมนนั้นสามารถติดต่อกับสัตว์ประหลาดปลาหมึกยักษ์หรือแทนทาเคิลได้ด้วย สเลนเดอร์แมน มักจะอยู่ในรูปลักษณ์ของชายที่สวมเสื้อสูทสีดำดูโดดเด่นคล้าย ๆ กับกลุ่มชายชุดดำหรือเมนอินแบล็ค และที่เข้ากับชื่อสเลนเดอร์แมนของมันนั้น ก็คือลักษณ์ของแขนขาและลำตัวที่ยืดยาวผิดมนุษย์ เอาไว้หลอกให้เหยื่อหวาดกลัว ซึ่งเมื่อมันยืดแขนออกมา เหยื่อของมันก็จะถูกสะกดจิตเข้าให้สู่ภวังค์ จนไม่สามารถที่จะบังคับตัวเองให้หลุดออกมาจากมนต์สะกด ที่จะทำให้พวกเขาต้องเดินไปหามันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ยิ่งไปกว่านั้น สเลนเดอร์แมนก็ยังสามารถแผ่มือและขาอันมากมายเหมือนกิ่งก้านของไม้ ไว้ใช้ในการเดินคล้าย ๆ กับด็อกเตอร์อ็อกโตปุส จากภาพยนต์เรื่องสไปเดอร์แมน และมันก็มีความสามารถยืดหยุ่นได้ คล้ายคลึงกับมิสเตอร์แฟนแ
ตำนานพระสยามเทวาธิราช
ตำนานพระสยามเทวาธิราช เป็นเทวรูป หล่อด้วยทองคำสูง ๘ นิ้ว ประทับยืนทรงเครื่องกษัตริยาธิราช ทรงฉลองพระองค์อย่างเครื่องของเทพารักษ์ มีมงกุฎเป็นเครื่องศิราภรณ์ พระหัตถ์ขวาทรงพระแสงขรรค์ พระหัตถ์ ซ้ายยกขึ้นจีบดรรชนีเสมอพระอุระ องค์พระสยามเทวาธิราชประดิษฐานอยู่ในเรือนแก้วทำด้วยไม้จันทน์ ลักษณะแบบวิมานเก๋งจีน มีคำจารึกเป็นภาษาจีนที่ผนังเบื้องหลัง แปลว่า “ที่สถิตแห่งพระสยามเทวาธิราช” เรือนแก้วเก๋งจีนนี้ประดิษฐานอยู่ในมุขกลางของพระวิมานไม้แกะสลักปิดทอง ตั้งอยู่เหนือลับแลบังพระทวารเทวราชมเหศวร์ ตอนกลางพระที่นั่งไพศาลทักษิณ ในพระบรมมหาราชวัง พระบาทสมเด็จพระจอมกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๔ ทรงเคารพบูชาพระสยามเทวาธิราชเป็นอย่างสูง ทรงถวายเครื่องสักการะเป็นประจำทุกวัน และทรงถวายเครื่องสังเวยทุกวันอังคารและวันเสาร์ก่อนเวลาเพล กับโปรดเกล้าฯ ให้จัดพิธีสังเวยเทวดาในวันขึ้น ๑ ค่ำ เดือน ๕ อันตรงกับวันขึ้นปีใหม่ทางจันทรคติแบบโบราณด้วย ทั้งเป็นที่ร่ำลือกันว่าพระสยามเทวาธิราชนั้นศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โปรดฯ ให้สร้างพระบรมรูปขึ้นอีกองค์หนึ่ง มีรูปแบบเหมือนพระ
นางไม้
นางไม้ ตามตำนานนางไม้ของนานาชาติมีส่วนคล้ายคลึงเหมือนกันอยู่อย่าง คือมีหน้าที่พิทักษ์ป่าเขาลำเนาไพร บางตำนานจัดนางไม้ เป็นพวกรุกขเทวดา คือ เทวดาที่สิงสถิตอยู่ตามต้นไม้ บ้างก็จัดให้อยู่ในหมวดหมู่ภูตผีปีศาจ นางไม้โรมัน เป็นเหล่านางอัปสรหรือนางไม้ ที่เป็นหญิงสาวมีหน้าตาสวยงาม คำว่า nymph ดรุณีแรกรุ่น ตำนานนางไม้ จึงไม่มีนางไม้แก่ๆ ให้เหล่านายพรานหรือคนตัดฟืนเห็นเป็นเด็ดขาด จะสถิตอยู่ในสถานที่ต่างๆ เช่น ในป่า ต้นไม้ ภูเขา ลำน้ำ หรือแม้กระทั่งมหาสมุทร และมีชื่อเรียกตามที่ต่างๆที่หล่อนอาศัย นางไม้อินเดีย ชาวฮินดู นับถือรุกขเทวดากันมาก โดยเฉพาะในหมู่บ้านที่มีต้นไม้ใหญ่ โดยมีการบูชาด้วยดอกไม้ เครื่องหอม ขนมหวาน นมสด และผลไม้ ไม่มีการถวายอาหารคาว หรือการบูชายัญด้วยสิ่งมีชีวิต เพราะเทวดาที่สิ่งสถิตตามต้นไม้ จะเป็นเทพเจ้าที่ไม่โปรดของคาว เนื้อสัตว์ เรียกว่าท่านเป็นมังสวิรัติ นางไม้ไทย เราจะได้รับอิทธิพลมาจากอินเดีย โดยต้นไม้ใหญ่จะมีรุกขเทวา สิงสถิตอยู่ เช่น ต้นไทร ต้นตะเคียน ภายหลังเพิ่มต้นกล้วยตานี ด้วย เรียกนางไม้เหล่านี้ว่า นางตะเคียน นางตานี ส่วนนางไม้ที่ฮ็อตฮิต ไม่แพ้นางตะเคียน คือ นางตานี
ตำนานจิ้งจอกเก้าหาง
ตำนานจิ้งจอกเก้าหาง (九尾狐) รูปลักษณ์แท้จริงของมันนั้นเป็นสุนัขจิ้งจอกที่มีเวทมนต์คาถาในการจำแลงกายเป็นมนุษย์ได้ ตำนานของประเทศอินเดีย การปรากฏตัวของปิศาจจิ้งจอกเก้าหางในแผ่นดินราชวงศ์อินเดียโบราณ กล่าวกันว่าประเทศอินเดียเป็นประเทศแรกที่ได้ปรากฏตัวของปิศาจตนนี้ เกิดขึ้นในสมัยอินเดียโบราณ ปิศาจจิ้งจอกเก้าหางได้จำแลงกายเป็นสาวงามจนไปต้องตาขององค์ชายแห่งราชวงศ์ผู้ปกครองประเทศอินเดียเข้า องค์ชายจึงได้นำทรัพย์สินอันมีค่าเกินประมาณมาสู่ขอนางเพื่อไปเป็นนางสนมเคียงกาย แล้วเมื่อปิศาจจิ้งจอกได้เข้าสู่วังหลวงในฐานะนางสนม องค์ชายซึ่งจากที่เคยเป็นคนเอาการเอางานแทนพระบิดาก็กลายเป็นผู้มักมากในกาม เอาแต่ลุ่มหลงในความใคร่ไม่เป็นว่าราชการ กระทั่งละเลยพระคู่หมั้นที่กำลังจะได้เข้าพิธีอภิเภษสมรสในอีกไม่นานนัก อีกทั้งยังมีร่างกายทรุดโทรมราวกับถูกมนต์บางอย่างครอบงำอยู่ ด้วยเหตุผิดปรกตินี้… ทำให้พระราชาผู้เป็นพระบิดาจึงได้สั่งให้โหรหลวงทำนายดวงชะตาขององค์ชาย ทว่าปิศาจจิ้งจอกได้ไหวตัวทัน มันจึงได้เป่าหูด้วยมนต์คาถาให้องค์ชายทำการปิตุฆาตพระราชาเสีย… องค์ชายที่ไม่อาจจะควบคุมสามัญสำนึกใดๆ ก็ได้กระทำการอันร้าย