STORYREVIEW
ตำนาน เรื่องหลอน เรื่องลี้ลับ 2023

มีดหมอหลวงพ่อเดิม

มีดหมอหลวงพ่อเดิม

มีดหมอหลวงพ่อเดิม  หลวงพ่อเดิม พุทธสโร วัดหนองโพ พระเกจิผู้มีชื่อเสียงโด่งดังรูปหนึ่งของ จ.นครสวรรค์ ได้รับการยกย่องให้เป็น “เทพเจ้าแห่งเมืองสี่แคว” ที่เคารพศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วประเทศ ในสมัยที่หลวงพ่อเดิมท่านยังมีชีวิตอยู่นั้นท่านได้สร้างวัตถุมงคลไว้ให้แก่ลูกศิษย์หลายอย่าง เช่น เหรียญรูปท่าน พระรูปเหมือน งาแกะรูปสิงห์ นางกวักต่างๆ ตะกรุด ผ้ายันต์ วัตถุมงคลของท่านมีมากมายหลายรุ่น ซึ่งล้วนปรากฏความเข้มขลังเป็นที่เลื่องลือโดยเฉพาะมีดหมอ หลวงพ่อเดิมท่านได้เรียนรู้และศึกษา วิชามีดหมอ ที่ได้มาจากหลวงพ่อขำ วัดเขาแก้ว อำเภอพยุหะคีรี จังหวัด นครสวรรค์ และ ในต่อมาหลวงพ่อเดิมท่านก็ได้สร้างมีดหมอขึ้นมาเป็นมีดเล่มแรกของท่าน และ การสร้างมีดในยุคแรกๆนั้นท่านก็ได้สร้างมีดเล่มใหญ่ให้แก่ควาญช้างของท่าน ซึ่งมีขนาดทั้งด้ามทั้งฝักยาวประมาณหนึ่งศอก ในสมัยต่อมามักเรียกกันว่า มีดควาญช้างหลวงพ่อเดิม ต่อมาท่านก็ได้ทำมีดให้มีขนาดเล็กลง ขนาดพอพกได้พอดีจนมาถึงมีดขนาดเล็กเพื่อที่จะพกใส่กระเป๋าหรือใส่ไว้ในเสื้อได้เช่นเดียวกัน การสร้าง “มีด หมอ” ของหลวงพ่อเดิมนั้นมีองค์ประกอบคือ ด้ามจะทำจากไม้และงาช

ตำนานหนุมาน

ตำนานหนุมาน

ตำนานหนุมาน หนุมาน ในภาษาสันสกฤต: हनुमान्; ในภาษาฮินดี: हनुमान) เป็นตัวละครเอกตัวหนึ่งในเรื่องรามเกียรติ์ เป็นลิงเผือก จึงมีสีขาวเป็นสีประจำกาย เมื่อสำแดงฤทธิ์จะมี 4 หน้า 8 มือ หาวเป็นดาวเป็นเดือน นอกจากนี้แล้วยังมีลักษณะประจำกายอื่น ๆ อีก เช่น สวมกุณฑล มีขนเพชร มีเขี้ยวเป็นแก้ว และ หาวเป็นดาวเป็นเดือน ดังกลอนตอนที่หนุมานเกิดว่า ลอยอยู่ตรงพักตร์ชนนี รัศมีโชติช่วงในเวหา มีกุณฑลขนเพชรอลงการ์ เขี้ยวแก้วแววฟ้ามาลัย หาวเป็นดาวเดือนระวีวร แปดกรสี่หน้าสูงใหญ่ สำแดงแผลงฤทธิ์เกรียงไกร แล้วลงมาไหว้พระมารดร หนุมาน เป็นลิงที่มีฤทธิ์มาก สามารถสำแดงเดชต่าง ๆ ได้หลายประการ เช่น การขยายร่างกายให้ใหญ่โต การยืดหางให้ยาว เป็นต้น นอกจากนี้ หนุมานยังได้ชื่อว่าเป็นอมตะ คือ ไม่มีวันตาย เนื่องจากเป็นบุตรของพระพาย (ลม) กับนางสวาหะ ด้วยเหตุนี้ เมื่อหนุมานมีอันตรายถึงตายแล้ว เพียงแค่มีลมพัดมา หนุมานก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ด้วยอำนาจของพระพายผู้เป็นบิดา ตัวละครของหนุมานเป็นตัวแทนของชายหนุ่มทั่วๆ ไป รูปหล่อ เจ้าชู้ มีเมียหลายคน เช่น นางสุพรรณมัจฉา ทั้งคู่มีลูกชื่อ มัจฉานุ เป็นลิงเผือกกับปลา นั่นคือ มีกายเป็นลิงเผ

ตำนานนรสิงห์

ตำนานนรสิงห์

ตำนานนรสิงห์ นรสิงห์ หรือ นรสีห์ ในภาษาสันสกฤต: नरसिंह, หรือแปลตรงๆตัวว่า ’มนุษย์-สิงโต’, Narasiṃha เป็นอวตารของพระวิษณุ โดยมีร่างกายท่อนล่างเป็นมนุษย์ และ ร่างกายท่อนบนเป็นสิงโต ได้มีคำสั่งจากพระวิษณุให้ลงมาทำลายความชั่วร้าย และ ยุติการกดขี่ข่มเหงทางศาสนา และ ความหายนะบนโลก ฟื้นฟูธรรมชาติ นอกจากนี้ นรสิงห์ยังด้รับการกล่าวถึงเป็นเทพแห่งโยคะ ในรูปแบบโยคะนรสิงห์ นรสิงห์เป็นหนึ่งในเทพหลักในลัทธิไวษณพ และตำนานของเขาได้รับการยกย่องในVaikhanasas, Sri Vaishnavism, Sadh Vaishnavism และในธรรมเนียมอื่น ๆ ของลัทธิไวษณพ หิรัณยกศิปุบำเพ็ญตบะเป็นเวลานาน จนได้รับพรจากพระพรหม ให้เป็นผู้ที่ฆ่าไม่ตายจากมนุษย์, สัตว์,และ เทวดา ให้ฆ่าไม่ตายทั้งในเวลากลางวัน และ ในเวลากลางคืน ให้ฆ่าไม่ตายทั้งจากอาวุธและมือ ให้ฆ่าไม่ตายทั้งในเรือน และ นอกเรือน ไม่ว่าจะทำอย่างไร นรสิงห์ก็จะไม่มีวันตาย หิรัณยกศิปุ ได้อาละวาดสร้างความเดือดร้อนไปทั่วทั้งสามภพ พระอินทร์จึงทูลเชิญพระนารายณ์อวตารเกิดมาเป็น นรสิงห์ คือ มนุษย์ครึ่งสิงห์ นรสิงห์สังหารหิรัณยกศิปุด้วยกรงเล็บด้วยการฉีกอก ที่กึ่งกลางบานประตู ในเวลาโพล้เพล้ ก

ผีเจียงชือ

ผีเจียงชื่อ

ผีเจียงชือ เจียงชือ เป็นผีจำพวกแวมไพร์หรือซอมบี้ตามความเชื่อของจีน เจียงชือ ปรากฏในวัฒนธรรมร่วมสมัยหลายยุคหลายสมัยมีทั้งการนำไปตีแผ่เป็น ภาพยนตร์ เช่น เรื่อง Mr.Vampire ผีกัดอย่ากัดตอบ ซึ่งมีถึง 5 ภาคเลยทีเดียว  หรือ ในวิดีโอเกมต่าง ๆ เช่น Reigen Doushi เปา เปา โดยมักปรากฏในเครื่องแต่งกายชุดขุนนางยุคราชวงศ์ชิงหรือตัวละครในการ์ตูนญี่ปุ่นชุด Dragon Ball ชื่อ เจาสึ ก็ดัดแปลงมาจาก เจียงซือ เจียงชือ เชื่อว่าเป็นแวมไพร์ที่อาศัยนอนหลับอยู่ในโลงศพหรือถ้ำในเวลากลางวัน และในเวลากลางคืนจะออกหากินด้วยการดูดเลือดของมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ด้วยการกระโดด เจียงซือมีผิวที่ขาวซีดและมีขนยาว ซึ่งเกิดจากเชื้อรา ที่เจริญเติบโตบนร่างกาย แต่ถ้าเจียงชือกระโดดข้ามกระสอบข้าว จะก้มลงนับเมล็ดข้าวทุกเมล็ด ซึ่งวิธีป้องกันเจียงซือ บางครั้งจะใช้การโปรยเมล็ดพืชหรือข้าวไว้ตามทางเดินหรือหลังคาบ้าน เพื่อถ่วงเวลาให้เจียงซือนับเมล็ดข้าวจนถึงเช้า ซึ่งวิธีการเช่นนี้ก็เป็นวิธีเดียวกันกับการป้องกันแวมไพร์ของยุโรป แท้จริงแล้ว เจียงชือ เป็นความเชื่อในทางไสยศาสตร์ของลัทธิเต๋าหรือเหมาซาน ชาวจีนมีความเชื่อว่า เมื่อมีผู้ตายลง ศพ

กำเนิดกำแพงเมืองจีน

กำแพงเมืองจีน

กำเนิดกำแพงเมืองจีน กำแพงเมืองจีน (長城) นั้นมีความสำคัญในเชิงจุดยุทธศาสตร์สำคัญในสมัยราชวงศ์ฉิน เพื่อป้องกันการบุกรุกจากชาวฮั่น หรือชนเผ่าเร่ร่อนบนหลังม้าในสมัยนั้น ซึ่งจะคอยมารุกรานชาวจีนตามแนวชายแดนอยู่เนืองๆ และเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวจีนในยุคนั้นมาก ซึ่งกำแพงนี้ก็ได้เริ่มสร้างกันมาตั้งแต่ก่อนสมัยของ จิ๋นซีฮ่องเต้ แล้ว โดยก๊ก หรือแคว้นที่อยู่ตามแนวชายแดนต่างสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตนเอง กลุ่มชนเผ่าเร่ร่อนจากทางเหนือนั้น แม้จะมีจำนวนประชากรน้อยกว่าชาวจีนอยู่มาก แต่เมื่อพวกเขาอยู่บนหลังม้า ใช้อาวุธธนูได้อย่างคล่องแคล่วแม่นยำ อีกทั้งกลุ่มชาวเหนือนี้ยังมีความอดทนสูงต่อสภาพแวดล้อมอันเลวร้าย จึงนับเป็นภัยคุกคามทางการทหารอย่างร้ายแรง กระทั่งจิ๋นซีฮ่องเต้ (หรือ ฉินซื่อหวงตี้) ได้ปฏิบัติการรวมประเทศแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในช่วง 221 ปีก่อนคริสตกาล และเริ่มโครงการสร้างป้อม และแนวกำแพงของแคว้นต่างๆ เชื่อมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นกำแพงยาวหนึ่งเดียวในที่สุด นับเป็นช่วงเฟสแรกของกำแพงก็ว่าได้ มีระยะทางรวมประมาณ 5,000 กิโลเมตร “ตำนานกล่าวว่า กำแพงเมืองจีนนั้นสร้างโดยมีต้นแบบจากมังกร สัตว์ศักดิ์สิทธิ์อั

ป่าแห่งความตาย

ป่าแห่งความตาย

ป่าแห่งความตาย (青木ヶ原) ภูเขาไฟฟูจิ เป็นภูเขาที่สูงที่สุดใน ประเทศญี่ปุ่น มีความสูงราวๆ 3,776 เมตร หรือ (12,388 ฟุต) ตั้งอยู่ตรงบริเวณ จังหวัดชิซูโอกะ และ จังหวัด ยามานาชิ ซึ่งอยู่ทางตะวันตกของ โตเกียว พื้นที่โดยรอบประกอบไปด้วย ทะเลสาบฟูจิทั้งห้า อุทยานแห่งชาติฟูจิ อุทยานแห่งชาติฮาโกเนะ อุทยานแห่งชาติอิซุ และ น้ำตกชิราอิโตะ  ผืนป่าขนาดใหญ่ที่มีเรื่องราวของผืนป่า นามว่า อาโอกิกาฮาระ Aokigahara ป่าหนาทึบเขียวครึ้มที่ปกคลุมอยู่ก่อนทางขึ้นฟูจิซัง ที่เคยเป็นหนึ่งในสถานที่ที่คนนิยมมาจบชีวิตกันมากที่สุดของประเทศญี่ปุ่น ราวกับว่าที่นี่มีอาถรรพ์ที่ทำให้คนที่กำลังหมดอาลัยตายอยากพร้อมใจกันมาที่นี่กัน โดยไม่คิดจะหันหลังกลับสู่โลกภายนอกอีก เรื่องราวป่าฆ่าตัวตายแห่งญี่ปุ่น อาโอกิกาฮาระ ป่าอาโอกิกาฮาระ (Aokigahara) เป็นผืนป่าที่มีพื้นที่ราว 35 ตารางกิโลเมตร หรือมีอีกชื่อเรียกหนึ่งว่า นทีแห่งไม้ หรือในภาษญี่ปุ่นเรียกว่า 樹海 (Sea of Trees) เป็นชื่อเรียกป่าบริเวณเชิงภูเขาฟูจิด้านตะวันตกเฉียงเหนือ เป็นที่เลื่องลือเรื่องสถานที่ฆ่าตัวตายอันดับ 2 ของโลก รองจากสะพานโกลเด้นเกต (Golden Gate Bridge) แห่งซานฟรานซิ