STORYREVIEW
STORYREVIEW
ตำนาน เรื่องหลอน เรื่องลี้ลับ 2023

10 เรื่องในตำนาน

รวบรวมเรื่องราวในตำนานทั่วโลกที่ได้มีการเล่าขานกันมาแต่อดีต

1.ตำนานพญานาค

พญานาค หรือมีอีกชื่อหนึ่งที่เรียกกันคือ นาค งูใหญ่มีหงอน สัญลักษณ์แห่งความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา และนาคยังเป็นสัญลักษณ์ของบันไดสายรุ้งสู่จักรวาล

พญานาคเป็นเทพเจ้าแห่งท้องน้ำ ตำนานความเชื่อเรืองพญานาคมีความเก่าแก่มาก ดูท่าว่าจะเก่ากว่าพุทธศาสนาอีกด้วย สืบค้นได้ว่ามีต้นกำเนิดมาจากอินเดียใต้ ด้วยเหตุจากภูมิประเทศทางอินเดียใต้เป็นป่าเขาจึงทำให้มีงูอยู่ชุกชุม และด้วยเหตุที่งูนั้นลักษณะทางกายภาพคือมีพิษร้ายแรง งูจึงเป็นสัตว์ที่มนุษย์ให้การนับถือว่ามีอำนาจ ชาวอินเดียใต้จึงนับถืองู

ส่วนทางฝั่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ยังมีตำนานเรื่องพญานาคอย่างแพร่หลาย ชาวบ้านในภูมิภาคนี้มักเชื่อกันว่าพญานาคอาศัยอยู่ในแม่น้ำโขง หรือ เมืองบาดาล และ เชื่อกันว่าเคยมีคนเคยพบรอยพญานาคขึ้นมาในวันออกพรรษาโดยจะมีลักษณะคล้ายรอยของงูขนาดใหญ่ และเมื่อไปเล่นน้ำในแม่น้ำโขงควรยกมือไหว้เพื่อเป็นการสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์

ลักษณะของพญานาค

ลักษณะของพญานาคตามความเชื่อในแต่ละภูมิภาคจะแตกต่างกันไป แต่พื้นฐานคือพญานาคนั้นมีลักษณะตัวเป็นงูตัวใหญ่มีหงอนสีทองและตาสีแดง เกล็ดเหมือนปลามีหลายสีแตกต่างกันไปตามบารมี บ้างก็มีสีเขียว บ้างก็มีสีดำ หรือบ้างก็มี7สี และที่สำคัญคือนาคตระกูลธรรมดาจะมีเศียรเดียว แต่ตระกูลที่สูงขึ้นไปนั้นจะมีสามเศียร ห้าเศียร เจ็ดเศียรและเก้าเศียร นาคจำพวกนี้จะสืบเชื้อสายมาจาก พญาเศษนาคราช(อนันตนาคราช) ผู้เป็นบัลลังก์ของพระวิษณุนารายณ์ปรมนาท ณ เกษียณสมุทร อนันตนาคราชนั้นเล่ากันว่ามีกายใหญ่โตมหึมามีความยาวไม่สิ้นสุด มีพันศีรษะ พญานาคนั้นมีทั้งเกิดในนำและบนบก เกิดจากครรภ์และจากไข่ มีอิทฤทธิ์สามารถบันดาลให้เกิดคุณและโทษได้ นาคนั้นมักจะแปลงร่างเป็นมนุษย์รูปร่างสวยงาม

ความเชื่อคุณลักษณะและคุณสมบัติของพญานาค

พญานาค หรือ งูใหญ่มีหงอน ในตำนานของฝรั่ง หรือชาวตะวันตก ถือว่าเป็นตัวแทนของกิเลส ความชั่วร้าย ตรงข้ามกับชาวตะวันออก ที่ถือว่า งูใหญ่ พญานาค มังกร เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ พลังอำนาจ ชาวฮินดูถือว่า พญานาคเป็นผู้ใกล้ชิดกับเทพองค์ต่างๆ เป็นเทพเจ้าแห่งน้ำ เช่น อนันตนาคราช ที่เป็นบัลลังก์ของพระนารายณ์ตรงกับความเชื่อของลัทธิพราหมณ์  

พญานาค งูใหญ่ สัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ ความอุดมสมบูรณ์ ความมีวาสนา และ บันไดสายรุ้งสู่จักรวาล เป็นผู้มีอิทธิฤทธิ์พิเศษ จากการจำศีล บำเพ็ญภาวนา ศรัทธาในพุทธศาสนา ไม่เบียดเบียนผู้อื่น เราจะพบเห็น เป็นรูปปั้นหน้าโบสถ์ ตามวัดต่างๆบันไดขึ้นสู่วัดในพุทธศาสนา ภาพเรื่องราวที่เกี่ยวข้อง กับศาสนาพุทธอีกมากมาย

ตำนานพญานาค
ตำนานพญาครุฑ

2.ตำนานพญาครุฑ

ครุฑ หรือ อีกชื่อหนึ่งเรียกว่า สุบรรณ หมายถึง ขนวิเศษ แต่เดิมพญาครุฑนั่นมีนามเดิมว่า เวนไตย เกิดจากนางวินตา ครุฑแต่กำเนิดเกิดมามีกำลังมหาศาล มีรัศมีสีทองสว่างไสวกว่าพระอาทิตย์นับร้อยเท่า มีศรีษะ จะงอยปาก และปีกเหมือนนกอินทรี แต่แขนขา เหมือนมนุษย์

พละกำลังและอิทธิฤทธิ์ของพญาครุฑ

  เมื่อครั้นพญาเวนไตยเติบใหญ่ ทราบว่ามารดาของตนนั้นตกเป็นทาสของกัทรุ เพราะแพ้อุบายเมื่อครั้งทายสีม้าเทียมรถทรงของพระอาทิตย์ในอดีต โดยนางกัทรุใช้อุบายให้นาคผู้เป็นลูกไปพ่นพิษรถม้า เพื่อให้สีขาวของรถม้ากลายเป็นสีดำ พญาเวนไตยจึงขอไถ่ตัวมารดาของตนจากเหล่านาค แต่มีข้อแม้ว่า ต้องไปเอาน้ำอมฤตที่พระอินทร์เก็บรักษาไว้บนสวรรค์มาให้พวกนาค ด้วยความที่พญาเวนไตยอยากจะช่วยมารดา จึงได้ตกลงเดินทางไปเอาน้ำอมฤตที่พระอินทร์ ระหว่างเดินทางหิวก็ได้จับคนป่าเถื่อนกินเป็นอาหาร และได้พบกับเต่าและช้างตัวใหญ่ขนาดมหึมา พญาเวนไตยคาบทั้งคู่บินไปเกาะกิ่งไทรที่มีความยาวหนึ่งร้อยโยชน์ แต่กิ่งไกรรับน้ำหนักไม่ไหว ก่อนที่กิ่งไทรจะหักลงมา เหลือบไปเห็นพวก พาลขิยะ “ฤาษีแคระ” ขนาดเท่านิ้วมือจึงเอาเท้าจับกิ่งไทรบินพาไปวางไว้ที่เขาเหมกูฏ บรรดาฤๅษีเห็นพญานกตนนี้มีจิตใจงดงามยิ่งนัก จึงให้ชื่อว่า “ครุฑ” แปลว่าผู้รับภาระอันหนัก และยังให้พรว่า ไม่ว่าจะทำสิ่งใดให้สำเร็จตามประสงค์ มีพละกำลังมหาศาล ไม่มีผู้ใดต้านทานได้

3.ตำนานหนุมาน

หนุมาน เป็นตัวละครเอกตัวหนึ่งในวรรณคดีเรื่องรามเกียรติ์ เป็นลิงเผือก จึงมีสีขาวเป็นสีประจำกาย เมื่อสำแดงฤทธิ์จะมี 4 หน้า 8 มือ หาวเป็นดาวเป็นเดือน นอกจากนี้แล้วยังมีลักษณะประจำกายอื่น ๆ อีก เช่น สวมกุณฑล มีขนเพชรเปล่งประกาย มีเขี้ยวเป็นแก้ว และ หาวเป็นดาวเป็นเดือน ดังกลอนตอนที่หนุมานเกิดว่า ลอยอยู่ตรงพักตร์ชนนี รัศมีโชติช่วงในเวหา มีกุณฑลขนเพชรอลงการ์ เขี้ยวแก้วแววฟ้ามาลัย หาวเป็นดาวเดือนระวีวร แปดกรสี่หน้าสูงใหญ่ สำแดงแผลงฤทธิ์เกรียงไกร แล้วลงมาไหว้พระมารดร

หนุมานเป็นลิงที่มีฤทธิ์มาก 

สามารถสำแดงเดชต่าง ๆ ได้หลายประการ เช่น การขยายร่างกายให้ใหญ่โต การยืดหางให้ยาว เป็นต้น นอกจากนี้ หนุมานยังได้ชื่อว่าเป็นอมตะ คือ ไม่มีวันตาย เนื่องจากเป็นบุตรของพระพาย (ลม) กับนางสวาหะ ด้วยเหตุนี้ เมื่อหนุมานมีอันตรายถึงตายแล้ว เพียงแค่มีลมพัดมา หนุมานก็จะฟื้นคืนชีพขึ้นมาใหม่ ด้วยอำนาจของพระพายผู้เป็นบิดา

ตัวละครของหนุมานเป็นตัวแทนของชายหนุ่มทั่วๆ ไป รูปหล่อ เจ้าชู้ มีเมียหลายคน เช่น นางสุพรรณมัจฉา ทั้งคู่มีลูกชื่อ มัจฉานุ เป็นลิงเผือกกับปลา นั่นคือ มีกายเป็นลิงเผือกเหมือนหนุมาน แต่หางนั้น กลับเป็นหางของปลา นางเบญกาย บุตรีของพญาพิเภก หนุมานได้นางเบญกายตอนที่ นางเบญกายจำแลงกายเป็นศพของ นางสีดาลอยทวนน้ำมา เพื่อหลอกพระรามให้เสียพระทัย แต่ภายหลังกลนี้ถูกจับได้ พระรามจึงให้หนุมานพานางเบญจกายไปส่งกลับเมือง ซึ่งทั้งคู่มีลูกด้วยกัน ชื่อว่า อสุรผัด

ตำนานหนุมาน
ตำนานเทพเจ้าซูส

4.ตำนานเทพเจ้าซูส

ซูส (Zeus) เป็นบุตรของ โครนัส (Cronus) และ รีอาRhea ตำนานที่อายุน้อยที่สุดกล่าวว่าเขาแต่งงานกับฮีร่า แต่ผู้เผยพระวจนะของ ดอโดนา (Adonna) และ (ไดโอนี)Dione ภรรยาของเขา เขาเป็นบิดาของอโฟรไดท์ตามที่ระบุไว้ในอีเลียด ด้วย Dionysia เป็นแม่ของเขาเขาจึงเป็นที่รู้จักในเรื่องเสน่ห์ทางเพศ ดังนั้นลูกชายและลูกสาวของเขาส่วนใหญ่เป็นฮีโร่อมตะ ประกอบด้วย Athena, Apollo และ Artemis, Hermes, Persephone, Dionysus, Perseus, Heracles, Helen’s Stable, Ares Hebe และ Hephaes Verus

Walter Bergert อธิบายเรื่องนี้ไว้ในหนังสือของเขา ชาวกรีกโบราณเชื่อว่า “ซุสเป็นบิดาแห่งทวยเทพ เทพเจ้าทั้งหลายถือกำเนิดขึ้นเพราะเขา” ชาวกรีกเชื่อว่าพระองค์เป็นเทพเจ้าสูงสุดและผู้ปกครองจักรวาล ตามที่ Pausanias กล่าวว่า “Zeus เป็นราชาแห่งสวรรค์ซึ่งเป็นคำที่รู้จักกันดี” พระเจ้า กวีโฮเมอร์มีอำนาจสูงสุดในหมู่ทวยเทพ

กำเนิดซูส

ตำนานการถือกำเนิดของเทพซูสมีอยู่ว่า เทพีไกอาเทพมารดาแห่งผืนดิน ได้สมรสกับเทพยูเรนัสเทพแห่งท้องฟ้า และมีบุตรกลุ่มแรกคือ เหล่าเทพไททันซึ่งสร้างความภาคภูมิแก่เทพยูเรนัสมาก แต่ทว่าบุตรต่อ ๆ มาของเทพีไกอากลับอัปลักษณ์และน่ากลัว เช่น ยักษ์ไซคลอปส์ที่มีตาข้างเดียวกลางใบหน้า และอสุรกายน่าเกลียดต่าง ๆ ทำให้เทพยูเรนัสพิโรธโยนบุตรเหล่านั้นลงไปขังในคุกทาร์ทะรัสใต้พิภพ

เทพีไกอาแค้นเทพยูเรนัสเป็นอย่างมากจึงยุยงให้เหล่าบรรดาเทพไททันก่อกบฏ ไม่มีเทพองค์ใดที่กล้าชิงบัลลังก์ กับ พระบิดายกเว้นเทพโครนัส และ จากการช่วยเหลือจากเทพีไกอาทำให้เทพโครนัสชิงอำนาจได้สำเร็จ แต่ทว่าเทพโครนัสไม่ได้ทำตามสัญญาที่จะปลดปล่อยอสูรผู้เป็นน้อง เทพีไกอาจึงสาปแช่งว่าบุตรที่จะเกิดมาของโครนัสจะชิงอำนาจไปเหมือนกับที่เคยทำไว้กับบิดา

5.ตำนานเซนทอร์

เซนทอร์ (Centaur) มนุษย์ม้า หรือ มนุษย์ครึ่งม้า ครึ่งบนเป็นมนุษย์ครึ่งล่างเป็นม้า เป็นศัพท์ที่หลายๆคน คงจะคุ้นเคยกันอยู่บ้าง บางคนอ่านแล้วทราบถึงลักษณะรูปร่างของเซนทอร์ หรือ บางคนอาจรู้จักเพราะเคยดูจากหนังภาพยนตร์ หรือ จากการอ่านหนังสือนิยายแฟนตาซีต่างๆ ยกตัวอย่างจากหนังภาพยนตร์เรื่อง Narnia, Harry Potter หรือ Percy Jackson and the Olympians เมื่อพูดถึงเซนทอร์ก็จะทำให้นึกถึงเทพเจ้าต่างๆด้วยเช่นกัน เพราะ เซนทอร์นั่นเป็นสัตว์มหัศจรรย์ในยุคสมัยของเทพเจ้ากรีกโรมัน โดยเซนทอร์ถูกสร้างให้มีบทบาทในด้านภาพยนตร์เป็นอย่างมาก

ตำนานเกี่ยวกับ เซนทอร์ นั่นมีหลากหลายมากมายในตำนาน บางตำนานกรีกก็เล่าว่า เซนทอร์นั้นสืบเชื้อสายมาจากเซนทอรัส บุตรของเทพเจ้าอะพอลโลกับนางสทิลเบีย โดยเซนทอรัสได้เสพสมกับนางม้าแห่งแมกนีเซีย จึงเกิดเป็นเซนทอร์ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมา บางตำนานก็เล่าว่า เซนทอร์คือพวกที่ใช้ม้าเป็นพาหนะโดยอาศัยอยู่ตามละแวกเขาในแคว้นเทสสาลี ประเทศกรีซ เมื่อมองไกลๆ 

จึงทำให้มองเป็นอมนุษย์ หรือ เซนทอร์ บางตำราก็เชื่อว่ามีกษัตริย์องค์หนึ่งนามว่า อิกซิออน Ixion ได้ทำให้เทพเจ้าซุส โกรธจึงโดนสาปให้ลูกๆของ อิกซิออน Ixion กลายเป็นอมนุษย์ครึ่งคนครึ่งม้า ถึงจะมีตำนานที่หลากหลายแต่ความเชื่อในเรื่องของเซนทอร์ไม่แตกต่างกันมากนัก คือคนส่วนใหญ่จะเชื่อว่าเซนทอร์นั่นมีนิสัยที่ดุร้าย แต่ก็ยังมีลักษณะของนักรบที่ดูน่าเกรงขามในเวลาเดียวกันอีกด้วย

เซนทอร์นั่นมีบทบาทหลากหลายมากในด้านภาพยนตร์ เช่น ภาพยนตร์เรื่อง Narnia เซนทอร์ถูกสร้างให้มีบทบาทตรงกันข้าม กับ ลักษณะในตำนานที่กล่าวว่าเซนทอร์มีนิสัยดุร้าย ไม่เป็นมิตร และ ไม่ชอบมนุษย์เป็นอย่างมาก แต่ในภาพยนตร์ผู้สร้างได้ให้เซนทอร์มีบทบาทในด้านความดี คือเป็นผู้ช่วยมนุษย์ทำภารกิจให้สำเร็จเพื่อช่วยเหลือสัตว์ต่างๆ ที่อาศัยอยู่ในป่า Narnia ทั้งยังสร้างให้เซนทอร์มีลักษณะนิสัยที่ดี มีน้ำใจต่อมนุษย์ แต่ยังคงความดุร้ายและว่องไวเมื่อเกิดสงคราม มีความแข็งแรงและมุ่งมั่นที่จะเอาชนะในการสู้รบ และในบางภาพยนตร์ก็ได้สร้างให้เซนทอร์มีบทบาทเป็นตัวร้ายด้วยเช่นกัน

ตำนานเซนทอร์
ตำนานเพกาซัส

6.ตำนานเพกาซัส

เพกาซัส (Pegasus) (ในภาษากรีก : Πήγασος; เปกาซอส หมายถึง “ความแข็งแรง”) เป็นสัตว์ในเทพปกรณัมกรีก เป็นม้าเพศผู้รูปร่างกำยำ ร่างกายมีสีขาวบริสุทธิ์ และ มีปีกอันกว้างสง่างามเหมือนดั่งนกพิราบ

เพกาซัสเกิดมาจากนางกอร์กอน เมดูซ่า ซึ่งถูกวีรบุรุษเพอร์ซิอุสฟันคอ ในขณะที่เลือดจากลำคอพุ่งกระเซ็นนั้น เพกาซัสก็กระโจนออกมาจากลำคอของนาง เพกาซัสเป็นพี่ของคริสซาออร์ ซึ่งก็เกิดมาหลังจากนั้น ไม่มีใครสามารถปราบเพกาซัสได้เลย ตอนที่เพกาซัสเกิดมาใหม่ ๆ และออกวิ่งอย่างคึกคะนองนั้น น้ำที่กระเซ็นจากรอยเท้าที่เพกาซัสวิ่งก่อให้เกิดน้ำพุสวยงามที่เหล่ากวีและศิลปินชื่นชมกันนักหนา คือ น้ำพุฮิปโปครีนี ที่เป็นที่รู้จักในวรรณคดีกรีกโบราณ ว่ากันว่า หากใครได้ดื่มน้ำพุนี้แล้ว โอกาสที่จะเป็นกวีเอกอยู่แค่เอื้อม นอกจากนี้แล้วเพกาซัสยังทำหน้าที่คอยเก็บสายฟ้าให้ซุส

7.ตำนานม้ายูนิคอร์น

สัตว์แปลกประหลาดตัวนี้ดูเหมือนเป็นสัตว์พิศวงจับจินตนาการคนทั่วโลกในบัดนี้ไปเสียแล้วนั่นคือ ยูนิคอร์น (Unicorn) เป็นม้าในตำนาน และ ยังนับกันว่ามันเป็นม้าที่สวยงามที่สุดอีกด้วย มันจะปรากฏในตำนานซึ่งกล่าวว่าน่าจะอยู่แถบป่าตอนเหนือของยุโรปทั่วไปหมด ยูนิคอร์น Unicorn เป็นม้าสีขาวบริสุทธิ์ แต่สิ่งที่ทำให้มันงดงามเป็นเอกลักษณ์มากที่สุดเห็นทีว่าน่าจะเป็น “เขา” ของยูนิคอร์นนั่นเอง ซึ่งมีลักษณะบิดเป็นเกลียวงอกมากลางหน้าผากเขาเดียว ซึ่งก็เป็นที่มาของชื่อ ยูนิคอร์น ซึ่งแปลว่า เขาเดียว ลักษณะอันมีเสน่ห์นี้ละครับ ทำให้เจ้าเมืองหรือขุนนางสมัยกลางนิยมเอารูปลักษณ์ไปเป็นตราเมือง หรือตราตระกูลเสียเลย

ตามตำนานบอกว่า การล่าม้ามีเขาตัวนี้เป็นเรื่องยากยิ่ง นอกจากจะฉลาด มันยังวิ่งเร็วที่สุด และเพื่อป้องกันตัวมันจะแสดงความดุร้ายชนิดที่นึกไม่ถึง จึงไม่มีทางที่จะใช้หอกดาบทำร้ายหรือใช้กับดักจับมันได้หรอกครับ พรานล่าจะต้องใช้วิธีเสี่ยงแบบบ้าบิ่น ใช้ความรู้ว่ายูนิคอร์นหวงถิ่น เสี่ยงล้ำเส้นเข้าไปในอาณาเขตของมันซึ่งๆหน้า ล่อให้มันเห็น มันจะได้เกิดความโมโห ทีนี้พอมันเริ่มวิ่งไล่ พรานก็เผ่นไปยืนอยู่หน้าต้นไม้ใหญ่ ยูนิคอร์นเห็นพรานยืนนิ่งก็พุ่งเข้าแทงอย่างสุดแรงเกิด พรานเห็นเข้าทางแน่ก็เบี่ยงตัวโดดหลบไปข้างๆเร็วที่สุด กำลังแรงมหาศาลบวกกับความเร็วจัดจาก

ตำนานม้ายูนิคอร์น
ตำนานก็อบลิน

8.ตำนานก็อบลิน

Goblin (ก็อบลิน) มีรูปร่างพิกลพิการชอบเล่นสนุก แต่บางครั้งเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมสามารถทำอันตรายแก่ผู้คน รอยยิ้มของก็อบลินทำให้เลือดหยุดไหล เสียงหัวเราะทำให้นมบูดและผลไม้หล่น ก็อบลินมีต้นกำเนิดมาจากฝรั่งเศส ก๊อปลินนั้นเป็นปีศาจ อาศัยอยู่ใต้ดิน ในตำนานเดิมของยุโรปเล่าถึง ก็อบลิน ว่า เป็นปีศาจร่างเล็ก (อาจจะสูงประมาณ 70 ซม.) ลักษณะคล้ายซากศพ บาง ตำนานก็กล่าวว่า ก๊อปลินรูปร่างจนมีหน้าตาอัปลักษณ์ไม่ชวนมอง ซึ่งหน้าตาหรือรูปร่างของพวกก๊อปลินจะเป็นเช่นไร มักขึ้นอยู่กับตำนานหรือของเชื่อของผู้คนในแถบนั้น

โดยมีเรื่องเล่าในตำนานเกาหลีว่า โทแกบีจะลงโทษพวกที่กระทำความชั่ว หนึ่งในนั้นเป็นเรื่องเกี่ยวกับชายชราคนหนึ่งที่อาศัยอยู่คนเดียวบนภูเขา เมื่อ โทแกบี ไปเยี่ยมบ้านเขา ชายชราก็สร้างความประหลาดใจด้วยการนำเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ให้ โทแกบี และพวกเขาก็กลายเป็นเพื่อนกัน โดยที่ชายชราไม่รู้ว่าคือ โทแกบี แต่วันหนึ่งชายชราเดินทางเข้าไปในป่าใกล้แม่น้ำและพบว่าเงาสะท้อนของเขาดูเหมือน โทแกบี ด้วยความกลัวเขาก็ตระหนักว่าเขาอาจจะกลายเป็นโทแกบี เขาจึงคิดแผนเพื่อป้องกันตัวเองจากการกลายเป็นโทแกบี โดยโทแกบีมาบ้านของเขา เขาถามโทแกบีว่า “สิ่งที่คุณกลัวที่สุด?” โทแกบี ตอบว่า “ฉันกลัวเลือด” ส่วนชายชราแกล้งทำเป็นกลัวและบอกว่า “ฉันกลัวเงิน” นั่นเป็นเหตุผลที่ผมอาศัยอยู่ในภูเขาด้วยตัวเอง วันรุ่งขึ้นชายชราฆ่าวัวและเทเลือดทั่วบ้านของเขา โทแกบี มาเห็นถึงกับช็อตวิ่งหนีออกมาและโกรธมาก พร้อมกล่าวว่า “ฉันจะกลับมาแก้แค้นพร้อมความกลัวที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของคุณ” วันรุ่งขึ้น โทแกบี นำถุงเงินมาโยนใส่ชายชรา หลังจากนั้น โทแกบี ก็ไม่เคยกลับมาอีกเลย ชายชราผู้นี้จึงกลายเป็นคนที่รวยที่สุดในเมือง

9.ตำนานเมดูซ่า

ในตำนานของกรีกนั้น เมดูซ่า ( Medusa) เป็นผู้หญิงที่มีผมเป็นงู และเมื่อมีคนมองมาที่ใบหน้าเธอ (จ้องตา) คนผุ้นั้นจะกลายเป็นหิน ที่จริงแล้วก่อนที่เมดูซ่าจะมีความร้ายกาจดังที่เป็นที่เล่าขานกันมานั้น เมดูซ่านั้นเป็นหญิงสาวที่มีหน้าตาสวยงามมาก

เมดูซ่า เป็นหนึ่งในลูกสาวทั้งสามของ เมทิสซึ่งเมทิสเป็นเจ้าแห่งสติปัญญาและสามารถแปลงร่างเป็นสิ่งต่างๆได้มากมาย แต่เดิมลูกทั้ง 3 ของเมทิสเป็นคนที่สวยงามมาก แต่แล้ววันหนึ่งเมทิสแม่ของเมดูซ่าถูกเทพ ซุส (Zeus) ข่มขืนและกลืนกินลงท้องไป และซุสจึงได้ใช้สติปัญญาและความสามารถทางการแปลงร่างของเมทิสเพิ่มอำนาจให้กับตนเอง พลังอำนาจนั้นทำให้เทพซุสยิ่งใหญ่เหนือเทพทั้งปวง และต่อมาเทพธิดา อาเธน่า (Athena) ได้ถือกำเนิดขึ้นมาจากการที่พลังของเมทิสทะลักออกมาทางหน้าผากของซุส เมื่อเอเทน่าได้กำเนิดขึ้นพร้อมกับความสามารถทางสติปัญญาของเมทิสผู้เป็นแม่ และเอเทน่าก็ถือเมดูซ่าพี่น้องร่วมสายเลือดแม่ เป็นศัตรูคนสำคัญ อยู่มาวันหนึ่งเมดูซ่าที่เป็นสาวงาม มีชายหลายคนหมายปองเป็นเจ้าของ ก็ได้ไปบูชาเทพเอเทน่ายังวิหารของเอเทน่า แล้วเทพโพไซดอน (Poseidon) ก็เห็นเมดูซ่าที่มีหน้าตาสวยงามมาก จึงต้องการครอบครองเมดูซ่าเป็นของตน จึงใช้กำลังขืนใจเมดูซ่า อาเทน่าเห็นดังนั้นจึงใส่ความเมดูซ่าว่า ลบหลู่เอเทน่าในวิหารศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ และสาบเมดูซ่าให้กลายเป็นมารร้ายหน้าตาน่าเกลียด และสาบให้ผมสวยงามของเมดูซ่าเป็นงูเต็มหัวเมดูซ่า เมื่อเป็นเช่นนี้เมดูซ่าต้องได้รับความอับอาย โกรธแค้นจึงได้ใช้ความเกลียดชังนั้นมาเป็นพลังในการสาบคนที่มองหน้าเธอให้กลายเป็นหินไป เพื่อตอบแทนสิ่งที่ทำให้เธอกลายเป็นเช่นนี้ เมดูซ่าจึงกลายเป็นมารร้ายที่สุดตนนึงในตำนานกรีก

ตำนานเมดูซ่า
ตำนานเทพโพไซดอน

10.ตำนานเทพโพไซดอน

ตำนานได้กล่าวขานกันมาว่า เทพโพไซดอน เทพเจ้าแห่งมหาสมุทร ก็เป็นเทพองค์ที่2แห่งภูเขาโอลิมปัส และ ได้รับกับขนานนาทว่า “สมุทรเทพ”  นอกจากนี้ พระองค์ยังทรงได้รับการขนานนามอีกว่า “ผู้เขย่าโลก” เนื่องจากบทบาทของพระองค์ในการก่อแผ่นดินไหว และ ผู้กำราบม้า พระองค์มักได้รับการพรรณาว่าเป็นบุรุษสูงวัย มีพระเกษาหยิกและมีพระมัสสุ

สัญลักษณ์ประจำพระองค์ ก็คือ 

1.ตรีศูล 

2.ปลา 

3.โลมา 

4.ม้า 

5.กระทิง

โดยเทพโพไซดอน มีอำนาจควบคุมครอบครองมหาสมุทร จากนั้นเทพบุตรโพไซดอน ก็กลายเป็นพระสมุทร เทพเจ้าผู้ปกครองสรรพสิ่งในมหาสมุทรรวมถึงภูตปีศาจในทะเล  และชาวประมงที่จับปลาเป็นอาชีพก็จะอยู่ในความคุ้มครองของพระองค์ด้วย ยามท้องทะเลปั่นป่วนเหล่าชาวประมงจึงเชื่อกันว่า เทพโพไซดอน พิโรธจึงจะไม่ออกทะเลเพราะกลัวพลังอำนาจของพระองค์ เทพโพไซดอนจึงมีฉายาว่า”ผู้เขย่าขวัญโลก”

การกำเนิดเทพเจ้าโพไซดอน

สรุปข้อมูลครอบครัวและพี่น้องโพไซดอน โพไซดอนได้กำเนิด เป็นบุตรของ โคนอส และ ลีอา มีพี่น้องร่วมบิดามารดาทั้งหมดแล้วรวมถึง 5 องค์ ซึ่งล้วนแต่เป็นเทพแห่งโอลิมเปียนทั้งหมด 

รูปลักษณ์ของโพเซดอน ส่วนมากจะปรากฏเป็นชายวัยกลางคน รูปร่างกำยำล่ำสัน มีหนวดเครา ถือสามง่ามเป็นอาวุธ ซึ่งสามง่ามนี้มีอิทธิฤทธิ์มาก สามารถดลบันดาลให้เกิดทะเลคลั่งหรือแผ่นดินไหวได้ ครั้งหนึ่งโพเซดอนเคยคิดที่จะโค่นอำนาจของ ซุส โดยร่วมมือกับ ฮีร่า และ อเทียน่า  แต่ก็ไม่สำเร็จ จึงได้ถูก ซุส ลงโทษ โดยการให้ไปสร้างกำแพงเมืองทรอย ร่วมกับ อพอลโล่ ด้วยเช่นกัน

โพไซดอน ได้มีมเหสีองค์หนึ่งชื่อว่า แอมพีไทรท์ซึ่งเป็น เทพธดาทะเล คือพลายน้ำ หนึ่งใน 50 องค์  หรือบุตรสาวของ นีเรียส และ ดอลิส โพไซดอน เห็นนางเต้นรำร่วมกับเหล่า Nereids ตนอื่นๆ จึงลักพาตัวนางไปเป็นชายาในดินแดนใต้สมุทร

ติดตามเรื่องราวตำนาน สิ่งลี้ลับ เรื่องเล่าชวนหลอน : รีวิวเรื่องตำนานสิ่งลี้ลับเรื่องผี

สามารถติดตามเรื่องราว เรื่องสิ่งมหัศจรรย์ของทั่วทุกมุมโลกได้เพิ่มเติมที่ : 10 สิ่งมหัศจรรย์ทั่วทุกมุมโลก