เกาะฮาชิมะ (端島)
เกาะฮาชิมะ นางาซากิ เกาะร้างอาถรรพ์ สถานที่สุดหลอนเรื่องราวสุดสยองขวัญในญี่ปุ่น
เกาะฮาชิมะ ตั้งอยู่ที่จังหวัดนางาซากิ เป็นเกาะกลางทะเล ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเดี่ยว ถ้ามองจากด้านบนจะเห็นภาพเกาะคล้ายกับเรือรบลำใหญ่ลอยลำอยู่กลางทะเลค่ะ ที่นี่ถือได้ว่ามีชื่อเสียงติดอับดับต้นๆ ของโลกในฐานะ 1 ใน 5 เกาะที่หลอนที่สุดในโลก เล่ากันว่าในสมัยสงครามโลก ทางสหรัฐอเมริกา ได้ส่งเรือดำน้ำมาเพื่อจะเข้าโจมตีญี่ปุ่น แต่ทหารอเมริกาได้เห็นเกาะฮาชิมะเป็นเรือรบขนาดใหญ่เลยไม่กล้าเข้าโจมตี และล่าถอยกลับไป
เกาะฮาชิมะ สถานที่สุดเฮี้ยน เรื่องสยองขวัญ
ฮาชิมะ ฉากภาพยนตร์สยองขวัญ
ความหลอนของเกาะฮาชิมะนี้นั่น จึงถูกนำไปสร้างเป็นภาพยนตร์สุดหลอนมากมาย เช่น The Haunting of Hashima ใช้เป็นฉากในภาพยนตร์ญี่ปุ่นหลายเรื่อง และในระดับฮอลลีวูดก็มีภาพยนตร์มากมาย เช่น Battle Royale, Game of Hell, School for the Wild, James Bond’s Skyfall และภาพยนตร์ไทยเรื่อง Project Hashima
โดยมีหนังหนังก็นำเรื่องราวของเกาะนี้ไปทำหนังเช่นกัน อย่างเช่น ฮาชิมะ โปรเจกต์ นี้เป็นเรื่องของกลุ่มเพื่อนซี้ได้รับเชิญให้ไปถ่ายคลิปผีที่ฮาชิมะ เกาะร้างบนญี่ปุ่น และได้พบเจอเหตุการณ์ประหลาดที่ไม่มั่นใจว่าเป็นคำสาปหรือเรื่องหลอกลวงกันแน่
เกาะฮาชิมะ ตำนานเกาะร้างสุดหลอน
ในอดีตนั้นเกาะฮาชิมะเคยเป็นเกาะที่โด่งดัง และมีความเจริญรุ่งเรืองถึงขีดสุด โดยเกาะแห่งนี้สร้างขึ้นในปี ค.ศ.1887 และเสร็จสิ้นในปี ค.ศ.1890 โดยบริษัทยักษ์ใหญ่ของญี่ปุ่นอย่างมิตซูบิชิ เนื่องจากเกาะฮาชิมะเต็มไปด้วยถ่านหิน ทำให้มีการพัฒนาเป็นเหมืองถ่านหินขนาดใหญ่ เพื่อรองรับกับความต้องการถ่านหินในการพัฒนาอุตสาหกรรมในญี่ปุ่นยุคนั้น จนทำให้มีการอพยพแรงงาน และครอบครัวมาตั้งถิ่นฐานอยู่บนเกาะแห่งนี้จนเต็มพื้นที่ มีผู้คนอยู่อาศัยหนาแน่น และต่อมาทางมิตซูบิชิก็ได้ประกาศปิดเหมืองบนเกาะฮาชิมะ เนื่องจากพลังงานจากถ่านหินไม่ได้เป็นที่ต้องการของญี่ปุ่นอีกต่อไป และอพยพผู้คนออกจากพื้นที่
ย้อนกลับไปก่อนหน้านั้น เกาะแห่งนี้เป็นเหมือนกับ สถานที่คุมขังนักโทษ ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทัพญี่ปุ่นได้เกณฑ์แรงงานชาวจีน และเกาหลีใต้ที่เป็นจำเลยช่วงสงครามมาทำงานในเหมืองถ่านหิน ทำให้ในสายตาของชาวจีน และเกาหลีใต้มองเกาะฮาชิมะเป็นเหมือนกับสถานที่ที่ทำให้พวกเขาฝันร้ายมาจนถึงปัจจุบัน
จนกระทั่งปี ค.ศ.1974 มิตซูบิชิได้ประกาศปิดเหมืองบนเกาะฮาชิมะ เนื่องจากพลังงานจากถ่านหินไม่ได้เป็นที่ต้องการของญี่ปุ่นอีกต่อไป โดยทุกคนหันไปให้ความสำคัญกับพลังงานจากน้ำมันแทน ซึ่งหลังจากการปิดตัวลง แรงงานทั้งหมดจึงอพยพออกจากพื้นที่
ปัจจุบันฮาชิมะกลายเป็นดินแดนรกร้างไร้สิ่งมีชีวิต ไม่มีแม้แต่ต้นไม้หรือดอกไม้ให้เห็น มีแต่ไม้ล้มลุกเล็กๆ รู้จักกันในชื่อ Battle Ship Island หรือ Battleship Island หรือ Ghost Island ดินแดนเกาะทะเลทรายผีสิงแห่งนี้ได้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวในญี่ปุ่น แต่มีนักท่องเที่ยวเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่มีโอกาสได้สัมผัสกับมัน เนื่องจากทางการญี่ปุ่นยังคงจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว. ดังนั้นจึงมีเพียงไม่กี่คนที่ได้รับอนุญาตให้เดินทางมาที่นี่ทุกปี
เกาะร้าง สุดหลอนกลายเป็น มรดกโลก
รัฐบาลญี่ปุ่นใด้พยายามที่จะผลักดันเกาะฮาชิมะให้กลายเป็นมรดกโลก โดยยื่นเรื่องไปยังองค์การยูเนสโก แต่กลับถูกทางการเกาหลีใต้คัดค้าน เพราะมองว่าเกาะฮาชิมะ คือบาดแผลสงครามที่ยังหลงเหลืออยู่ และทำให้ชาวเกาหลีใต้และชาวจีน รู้สึกเจ็บปวดทุกครั้งที่มีการกล่าวถึงเกาะนี้
จนในที่สุด คณะกรรมการมรดกโลก ก็ได้รับรองสถานะของเกาะฮาชิมะ ขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลก ในปี ค.ศ.2015 ในฐานะที่เกาะฮาชิมะ เป็น 1 ใน 23 เขตอุตสาหกรรมเก่าแก่ และมีชื่อเรียกอย่างเป็นทางการว่า มรดกของการปฏิวัติอุตสาหกรรมในยุคเมจิ
อาถรรพ์ มีจริงหรือไม่
มีเรื่องราวมากมายเกี่ยวกับความลึกลับที่ยังไม่ได้ไขของฮาชิมะ ส่วนใหญ่จะมาจากหนังดัง นี้เข้าสู่การถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้
ผู้กำกับ Shinji Fukasaku ยืนยันว่า Hashima จะเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง “Battle Royale” เกาะนี้ลึกลับจริงๆ
ผู้กำกับคินจิ ฟูกาซากุ เปิดเผยว่า ในระหว่างการถ่ายทำได้พบสิ่งผิดปกติอยู่ตลอดเวลา ไม่ว่าจะเรื่องที่พบคนอื่นที่ไม่ใช่ทีมงานถูกถ่ายติดเข้ามาในฉาก หรือ ฟิล์มเสียทั้งๆ ที่เพิ่งใช้งาน แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น กองถ่ายยังคงต้องดำเนินต่อไป เพื่ออรรถรสของภาพยนตร์อย่างมากที่สุด และ เหตุการณ์ที่ผวาที่สุดในกองถ่าย จนทำให้กองถ่ายต้องหยุดพักอยู่เป็นอาทิตย์ ก็คือ ชิอากิ คูริยามา นักแสดงหญิงคนหนึ่ง ซึ่งรับบทเป็นนักเรียนได้เข้าฉาก และ เธอได้ถูกบางสิ่งบางอย่างครอบงำตัวเธอ
จากคำบอกเล่าของทุกคนที่ได้พบเห็นหรือได้เจอประสบการณ์ ดวงตาของเธอกลายเป็นสีแดงก่ำ และนัยน์ตาของเธอเบิกโพลงดูแข็งกร้าวขึ้น หลังจากนั้นเธอได้พุ่งเข้ามาหา โคอุ ชิบาซากิ หนึ่งในนักแสดงหญิง และทำการรัดคอเธออย่างแรง ทางทีมงานเห็นท่าไม่ดีจึงได้เชิญมิโกะหญิงที่เดินทางมาด้วย จัดการขับไล่วิญญาณร้ายจนสำเร็จ
หลังจากวิญญาณนั้นได้ออกจากร่างเธอแล้ว เธอได้กับทีมงานว่า “สถานที่นี้มีดวงวิญญาณที่มีความอาฆาตแค้นอยู่มาก และ ยากที่จะขจัดออกไปได้ เพราะที่ตรงนี้ คือสถานที่ของพวกเขาไม่ชอบให้ใครมารบกวน” นับเป็นอีกหนึ่งเหตุการณ์ความน่าสะพรึงกลัวและความสยองขวัญของทุกคนที่เข้าฉาก หลอนกันไปเลยทีเดียว
ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เท่านั้นที่ทำให้เกาะฮาชิมะโด่งดังเรื่องความสยอง นักท่องเที่ยวหลายคนที่เคยไปเยือนเกาะนี้ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันในเรื่องความน่าขนลุก และบางคนก็สัมผัสได้ถึงพลังงานบางอย่างที่ไม่สามารถเล่าออกมาเป็นคำพูดได้ เพราะนอกจากความหลอนแล้วที่นี่ยังมีความเศร้าปกคลุมอยู่อย่างน่าประหลาดทั่วบริเวณ อาจเพราะเกาะแห่งนี้เคยเป็นที่คุมขังเชลยศึกจากสงครามจำนานมากอยู่ก็เป็นได้ และนี่คือความเฮี้ยนจนได้เกาะฮาชิมะได้กลายเป็น 1 ใน 5 เกาะที่หลอนที่สุดในโลก มาตั้งแต่หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 จนถึงในปัจจุบันนี้ค่ะ
ประวัติของเกาะฮาชิมะ
ยุคที่4 คือ ยุคที่ฟื้นฟูช่วงหลังสงครามโลก พ.ศ. 2488-2507
เมื่อสิ้นสุดสงครามโลกลงไปล้วนั่น ถ้าแรงงานเกาหลี และ จีนก็ไม่ต้องอยู่ที่เกาะฮาชิมะอีกต่อไป และ แรงงานญี่ปุ่นที่ไม่อาจทนชีวิตลำบากลำเค็ญบนเกาะได้ก็พากันออกไปจากเกาะ จนผลการสำรวจแห่งชาติชี้ว่ามีประชากรบนเกาะเหลือเพียง 1,656 คน อย่างไรก็ดี ด้วยการส่งเสริมการผลิตถ่านหินโดยกองบัญชาการใหญ่กองกำลังสัมพันธมิตร (GHQ) หลังปี พ.ศ.2491 ประชากรบนเกาะก็เพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วพร้อมกับปัญหาการขาดแคลนที่อยู่อาศัยที่เลวลงเช่นกัน มาถึงตอนนี้ แนวคิดและหลักปฏิบัติเรื่องการบริหารจัดการแรงงานเริ่มมีความทันสมัยมากขึ้น มีการก่อตั้งสหภาพแรงงานเหมืองถ่านหินฮาชิมะ ซึ่งทำให้แรงงานได้ค่าจ้างเพิ่มขึ้น เริ่มมีสิ่งอำนวยความสะดวกเพิ่มเติมไปอีก เช่น แหล่งน้ำบาดาลซึ่งทำให้สามารถมีโรงอาบน้ำได้ถึง 3 แห่งบนเกาะ
อย่างไรก็ตาม เรื่องที่อยู่อาศัยก็ยังเป็นปัญหาใหญ่ พนักงานของบริษัทได้ห้องชั้นบนขนาดใหญ่ คนงานเหมืองได้ห้องขนาดเล็กกว่าชั้นกลางๆ ส่วนคนงานจ้างเหมาได้ห้องแคบๆ ที่ชั้นล่าง (คนญี่ปุ่นถือสาไม่ชอบห้องชั้นล่างๆ ครับ ไม่ทราบว่าถือเรื่องมีคนเหยียบหัวอยู่เหนือหัวอย่างคนไทยหรือเปล่า—ผู้เขียน) โดยไม่คำนึงถึงจำนวนสมาชิกในครอบครัวของผู้พักอาศัย
การที่มีคนมาอยู่มากขึ้นในคราวนี้ไม่ได้ช่วยให้ผลผลิตมากขึ้น จากการที่กฎหมายแรงงานได้จำกัดชั่วโมงการทำงานของคนงาน และแรงงานมีการไหลเข้าไหลออกมาก บริษัทฯ พยายามจะใช้กลวิธีต่างๆ เช่นเน้นจ้างคนมีครอบครัวแล้ว (จะได้ยอมทำงานหนักๆ เพราะคนโสดจะสนใจทำงานแค่พอมีกินมีเที่ยว) การเอาระบบขายของเงินเชื่อมาใช้ (ซื้อก่อนจ่ายทีหลัง แต่ถ้ายังไม่ได้จ่างสตางค์ ห้ามออกจากเกาะ) หรือการเอาเครื่องจักรมาใช้แทนคน แต่ก็ไม่ได้ผลนัก
พอมาถึงปี พ.ศ. 2503 (ปีโชวะที่ 35) จำนวนประชากรบนเกาะมาถึงจุดสูงสุดที่ 5,267 คน มีความหนาแน่นของประชากรอยู่ที่ 83,600 คนต่อตารางกิโลเมตร สิ่งอำนวยความสะดวกก็มาถึงจุดสูงสุดเช่นกัน มีที่ว่าการตำบลทาคาชิมะ (สาขาเกาะฮาชิมะ) โรงเรียนประถมและมัธยมต้น ร้านค้า โรงพยาบาล วัด โรงภาพยนตร์ ร้านตัดผม ร้านเสริมสวย ร้านปาจิงโกะ ร้านสแน็ก (แต่ไม่มีเมรุเผาศพ สุสาน หรือสวนสาธารณะ)
ยุคที่5 คือ ยุคที่เสื่อมโทรมของถ่านหิน และ การปิดเหมืองในปี พ.ศ.2507-2517
เมื่อโลกหันมาใช้น้ำมันแทนถ่านหิน กิจการเหมืองถ่านหินก็มาถึงจุดเสื่อม ในปีพ.ศ.2513 บริษัทฯ ได้ประกาศยุติการทำเหมืองลงไปในที่สุด และ ได้พัฒนาเกาะฮาชิมะ และ หลังจากนั้นเหมืองก็ปิดตัวลงไปในวันที่ 15 เดือน มกราคม พ.ศ.2517 (ปีโชวะที่ 49) ทิ้งถ่านหินไว้หลายล้านตัน ผู้อยู่อาศัยเหลืออยู่ประมาณ 2,000 คน ได้ถูกสั่งให้ออกจากเกาะให้หมดภายในวันที่ 20 เมษายนปีเดียวกัน เป็นอันปิดตำนานเกาะเหมืองถ่านหินที่ขุดกันมาเป็นล่ำเป็นสันตั้งแต่ยุคเมจิแต่เพียงเท่านี้
ยุคที่6 ยุคการท่องเที่ยวบูม และ “มรดกโลก” พ.ศ. 2517 จนถึงปัจจุบัน
ภายหลังจากการปิดเกาะฮาชิมะนั่น นักค้นคว้าในยุคหลังๆ ก็เริ่มขุดคุ้ยประวัติศาสตร์ “ด้านมืด” ของเกาะฮาชิมะนี้ เป็นต้น ว่าสภาพการทำงานที่ย่ำแย่ของสหภาพแรงงานเกาหลี ยุคก่อนสงคราม แต่ในอีกด้านหนึ่ง พอเข้ายุคสหัสวรรษใหม่หลังปี 2000 เป็นต้นไปนี้ผู้คนกลับให้ความสนใจ “ซากอาคาร” ต่างๆ ในฐานะมรดกทางวัฒนธรรมตั้งแต่ยุคไทโชจนถึงยุคโชวะ ซึ่งถ้าพูดถึงเรื่องของ “กรรมสิทธิ์” แล้วนั่น มันเคยเป็นทรัพย์สินของบริษัท มิตซูบิชิ แมททีเรียล Mitsubishi Materials ก็จริง แต่ก็ได้ถูกโอนให้แก่ทางตำบลทากาชิมะแล้วเมื่อปี พ.ศ. 2544 เมื่อตำบลทากาชิมะถูกรวมเข้ามาอยู่ในเขตจังหวัดนางาซากิเมื่อปี พ.ศ. 2548 เกาะนี้ก็เลยกลายเป็นกรรมสิทธิ์ของจังหวัดนางาซากิไปโดยปริยาย ซึ่งในตอนแรกก็ยังเป็นพื้นที่ปิดไม่ให้คนเข้า (อาคารมันเก่ากลัวอันตรายตึกถล่ม) พอมาปี พ.ศ. 2551 ได้มีการแก้ไขกฎหมายเพื่ออำนวยการท่องเที่ยวที่เกาะ ปีต่อมาเริ่มเปิดให้นักท่องเที่ยวเป็นหมู่คณะเข้าไปเที่ยวได้เฉพาะจุดที่กันไว้เพื่อการท่องเที่ยว กระแสการท่องเที่ยวเกาะฮาชิมะก็เริ่มบูมขึ้นมาจนถึงขนาดที่ว่าภายในช่วงสามปีมีคนมาเที่ยวถึง 275,000 คน สร้างมูลค่าเงินหมุนเวียนจากการท่องเที่ยวได้ถึง 6.5 พันล้านเยน!
Hashima Nagasaki Japan
นอกจากนี้ยังมีขบวนการเคลื่อนไหวเพื่อจะผลักดันให้ “เกาะฮาชิมะ” ได้ขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกและเป็นทรัพย์สินทางวัฒนธรรมของชาติ ซึ่งถ้าทำเช่นนั้นได้จริง จะเพิ่มมูลค่าในเชิงการท่องเที่ยวอีกหลายเท่าตัวเลยทีเดียว (ญี่ปุ่นนี่รวย “มรดกโลก” นะครับขอบอก—ผู้เขียน) แต่แน่นอน รัฐบาลเกาหลีใต้ไม่ถูกใจสิ่งนี้ โดยโดยนางพัค กึนฮเย ประธานาธิบดีของเกาหลีใต้ในตอนนั้นได้คัดค้านการที่จะขึ้นทะเบียนเกาะฮาชิมะเป็นมรดกโลกในปี พ.ศ. 2558 ซึ่งก็ได้เป็นประเด็นกินแหนงกันอีกแล้วเกาหลี-ญี่ปุ่น