STORYREVIEW
ตำนาน เรื่องหลอน เรื่องลี้ลับ 2023

ตำนานการ์กอย”Gargoyle”

ตำนานการ์กอย

  หากเราได้มีโอกาสไปท่องเที่ยวตามโบสถ์เก่าแก่ของชาวคริสต์ โดยเฉพาะในต่างประเทศนั่น เรามักจะได้เห็นกับรูปปั้นหรือรูปสลักของสัตว์ประหลาดที่เกาะอยู่ตามส่วนต่างๆของโบสถ์วิหาร พร้อมกับชื่อที่คุ้นหูที่เราเรียกมันว่าการ์กอยล์นั่นเอง

  ถ้าจะบอกว่าการ์กอยล์นั้นเป็นชื่อของสัตว์ประหลาดชนิดหนึ่งก็จะแปลกอะไรเท่าไรนัก แต่ผมจะขอพูดถึงความหมายของชื่อการ์กอยล์ในอีกด้านก่อนนะครับ แล้วเราจะกลับมาเข้าตำนานของมันกัน

  เอาจริงๆแล้วคำว่าการ์กอยล์หรืออีกชื่อคือปนาลี(มีสองชื่อ) เป็นคำศัพท์ทางสถาปัตยกรรมที่เอาไว้ใช้เรียกหินที่สลักเป็นรูปอัปลักษณ์ และยื่นออกมาจากอาคาร เพื่อใช้เป็นที่ระบายน้ำจากหลังคาไม่ให้ไปโดนตัวอาคารครับ และถ้าทางผู้อ่านสงสัยต่อไปอีกว่า “แล้วถ้าเป็นรูปสลักสัตว์ประหลาดเหมือนกัน อยู่ตามโบสถ์และอาคารเหมือนกัน แต่ไม่ได้ใช้ระบายน้ำ มีไว้แค่ตกแต่งอาคารเฉยๆล่ะ ตัวพวกนั้นเรียกการ์กอยล์หรือเปล่า” คำตอบก็คือ ถ้าในทางสถาปัตยกรรมจะไม่ได้เรียกว่าการ์กอยล์ครับ จะใช้คำว่า “รูปอัปลักษณ์” แทน แต่ในทางปฏิบัติจริงแล้ว คนทั่วไปเขาก็เรียกรวมๆกันไปเลยว่าการ์กอยล์ครับ พูดให้เข้าใจง่ายๆ

ตำนานการ์กอย

การ์กอยล์ คือคำที่ไว้ใช้เรียกรูปปั้นหรือรูปสลักตัวประหลาดที่เอาไว้ใช้ระบายน้ำจากบนหลังคาตามตัวอาคารหรือโบสถ์นั่นเองโดยรูปแบบของการ์กอยล์ที่ได้รับความนิยมนั้น มักจะเป็นมังกรหรือปีศาจหันหน้ายื่นออกจากตัวอาคารและโบสถ์

  อีกประโยชน์หนึ่งของการ์กอยล์นอกจากจะเอาไว้ใช้ระบายน้ำแล้ว เขายังเอาไว้ใช้ป้องกันสิ่งชั่วร้ายต่างๆได้อีกด้วย ซึ่งประเด็นนี้แหละครับที่ผมจะนำมาเล่าให้ทุกคนได้ฟังกัน

ตำนานการ์กอย

ตำนานและที่มาของชื่อการ์กอยล์

นั้นมีหลากหลายครับ แต่ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือxit;ประวัติตำนานอันเก่าแก่ของฝรั่งเศส กล่าวไว้ว่า….

  ช่วงประมาณศตวรรษที่ 7 ณ หมู่บ้านรูออง ซึ่งตั้งอยู่ทางตอนเหนือของฝรั่งเศส มีมังกรไฟตนหนึ่งนามว่า “ลา การ์กุยย์” เป็นมังกรที่มีนิสัยดุร้ายอาศัยอยู่ในถ้ำบริเวณใกล้กับริมแม่น้ำแซน เจ้ามังกรได้ยื่นคำขาดให้ชาวบ้าน ต้องส่งหญิงสาวบริสุทธิ์มาเป็นเครื่องสังเวยให้มันทุกปี ไม่เช่นนั้นมันจะพ่นไฟเผาผลาญหมู่บ้านให้ราบเป็นหน้ากลอง ซึ่งทำให้ชาวบ้านก็ไม่มีทางเลือก จำใจต้องส่งตัวสาวบริสุทธิ์ให้มันทุกปี ปีใดหาสาวบริสุทธิ์ไม่ได้ก็ต้องส่งนักโทษไปแทน ซึ่งจะทำให้เจ้าลา การ์กุยย์นั้นไม่พอใจเป็นอย่างมาก และจะออกมาบินพ่นไฟไปรอบๆ พร้อมกับส่งเสียงขู่คำรามในคอทำให้ชาวบ้านเสียขวัญและหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

  วันหนึ่งนักบวชนามว่าแซงต์ รูมานีส์ ได้เดินทางมายังหมู่บ้านรูออง และได้ทราบเรื่องราวความหวาดกลัวของชาวบ้าน จึงเสนอตัวเข้าช่วยเหลือโดยมีข้อแม้ว่าหากท่านสามารถปราบเจ้าลา การ์กุยย์ลงได้ ชาวบ้านจะต้องสร้างโบสถ์ให้ท่านหนึ่งหลัง ซึ่งทางชาวบ้านก็ตกลงโดยดี จากนั้นนักบวชจึงมุ่งตรงไปยังถ้ำที่อาศัยของเจ้าลา การ์กุยย์ โดยพกไปเพียงแค่ไม้กางเขน และศรัทธาที่มีต่อพระผู้เป็นเจ้าเท่านั้น แต่ในท้ายที่สุดท่านก็สามารถสยบเจ้ามังกรร้ายให้สิ้นฤทธิ์ลงจนได้ และนำมันกลับมายังหมู่บ้าน สร้างความปลื้มปิติยินดีให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก

  ชาวบ้านได้สร้างโบสถ์ให้กับนักบวชแซงต์ รูมานีส์ตามที่ได้ตกลงไว้ และเพื่อให้แน่ใจว่าเจ้ามังกรลา การ์กุยย์ จะไม่กลับมาสร้างความวุ่นวายอีก ชาวบ้านจึงได้นำมังกรร้ายตนนี้ไปเผาทั้งเป็น แต่เนื่องจากลา การ์กุยย์ เป็นมังกรไฟอยู่แล้ว ทำให้ไฟนั้นไม่สามารถเผามันได้ทุกส่วน เหลือไว้คือส่วนหัวและคอที่ไม่อาจทำอะไรมันได้ ฉะนั้นเมื่อโบสถ์สร้างเสร็จ นักบวช แซงต์ รูมานีส์ จึงได้แนะนำให้เอาหัวของมังกรลา การ์กุยย์ ไปประดับไว้กับตัวโบสถ์ เพราะมังกรตนนี้มีฤทธิ์มาก มันจะสามารถขับไล่ปีศาจและสิ่งชั่วร้ายต่างๆออกไปได้

ตำนานการ์กอย
ตำนานการ์กอย

นับแต่นั้นเป็นต้นมา การนำรูปปั้นหรือรูปสลักตัวประหลาดต่างๆมาประดับตามโบสถ์วิหาร ก็กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติสืบต่อกันมาของชาวยุโรป และเมื่อชาวยุโรปอพยพไปอยู่ที่อเมริกาก็ได้นำธรรมเนียมติดนี้ไปด้วย ทำให้เราสามารถเห็นรูปสลักการ์กอยล์ได้ตามอาคารต่างๆในอเมริกา โดยเชื่อกันว่าการ์กอยล์นั้น ตอนกลางวันจะเป็นรูปปั้นธรรมดา แต่ตอนกลางคืนจะมีชีวิตและออกบินไปรอบๆเพื่อปกป้องหมู่บ้านหรือเมืองที่ตนเองอยู่จากสิ่งชั่วร้ายต่างๆนั่นเอง

ติดตามเรื่องราวตำนาน สิ่งลี้ลับ เรื่องเล่าชวนหลอน : รีวิวเรื่องตำนานสิ่งลี้ลับเรื่องผี

สามารถติดตามเรื่องราวในตำนาน สิ่งลี้ลับ เรื่องเล่าชวนหลอนได้เพิ่มเติมที่แฟนเพจของเรา : Storyreview