คิซารากิ รถไฟผีสิง
เวลาที่เราจะพุดเกี่ยวกับเรื่องของตำนานของรถไฟที่ได้หายไปเป็นเวลาหลายสิบปี และได้โผล่มาอีกทีโดยสภาพที่ไม่ได้มีการเปลี่ยนไปเลย มันจะมีอยู่ตำนานหนึ่งที่อยู่ในประเทศอิตาลี แต่นี่ไม่ใช่ตำนานนั้น เรื่อง คิซารากินั้นเป็นเรื่องของตำนานที่เกิดขึ้นที่ญี่ปุ่นที่พูดได้ว่า หลายๆคนนั้นคงเคยได้ยินมาก่อน และสำหรับบางคนนั้นอาจจะไม่เคยได้ยินมาก่อนเลยก็มี ตำนานเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้นเป็นที่โด่งดังทั่วโลกมา เมื่อประมาณ 5-10 ปีที่แล้ว
เรื่องราวของ รถไฟผีสิง คิซารากิ
นี้นั้นได้มีต้นเรื่องมาจาก ได้มีคนๆ หนึ่งนั้น ได้เขียนกะทู้ภายในเว็บๆ หนึ่งที่เป็นของประเทศญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งคนนั้นได้เขียนเอาไว้ว่า “เรามาแชร์เรื่องราวแปลกๆในชีวิตประจำวันกันเถอะ” ซึ่งหลังจากนั้นก็ได้มีคนได้เข้ามาเขียนเกี่ยวกับเรื่องราวแปลกๆ ที่ผู้คนในประเทศญี่ปุ่นได้เจอกันมา หลายสิบคอมเมนต์กันเลย แต่มีอยู่คอมเมนต์นึงนั้นที่มีการเขียนที่ดูสะดุดตาเมื่อได้อ่านในครั้งแรกที่เห็น ซึ่งเธอได้เขียนเอาไว้ว่า มันเป็นเรื่องราวที่เธอได้เจอขึ้นมากับตัวเธอ ซึ่งเธออาจจะคิดเองก็เป็นได้ แต่มันเป็นเรื่องที่แปลกและน่ากลัวสำหรับเธอมาก
โดย เธอได้เขียนเล่าเอาไว้ว่า ตัวเธอนั้นได้นั่งรถไฟสายหนึ่งในญี่ปุ่น ซึ่งมันเป็นรถไฟสายประจำที่นั่งอยู่มาตลอด การนั่งนั้นก็เพื่อที่จะนั่งกลับบ้านของตัวเธอเองเป็นประจำ ซึ่งนั่นก็ทำให้ตัวเธอนั้นใช้รถไฟสายนี้อยู่ตลอดทุกวัน ซึ่งครั้งนี้ก็เป็นเหมือนทุกครั้งที่นั่งรถไฟสายนี้ก็เพื่อที่จะนั่งกลับบ้านเหมือนกับทุกๆ ครั้ง แต่ภายในครั้งนี้นั้นมันกับแตกต่างจากครั้งอื่นๆ ตรงที่ว่า รถไฟสายนี้ที่เธอนั่งนั้นไม่ยอมจอดตรงชานชลาที่เธอจะลงเป็นประจำ ซึ่งมันไม่ใช่เพียงแค่นั้น รถไฟที่เธอนั่งอยู่นั้นไม่ยอมจอดลงชานชาลาแม้แต่ชานชาลาเดียว มันวิ่งตรงยาวตั้งแต่ที่เธอนั่งมา มันวิ่งตรงยาวไม่หยุดแม้แต่ชานชาลาเดียว และที่สำคัญรถไฟสายนี้นั้นมีคนที่นั่งอยู่เพียงแค่ 5 คนเท่านั้น ซึ่ง 5 คนที่ว่านั้นกำลังหลับกันอยู่ทั้งหมดเลย ซึ่งมันเหมือนกับว่าพวกเขานั้นไม่มีวิญญาณอยู่เลยด้วยซ้ำ เหมือนกับร่างกายของคนที่นั่งแน่นอนอยู่อย่างนั้นมาตลอด ซึ่งนั่นก็เป็นสิ่งที่เธอได้เขียนลงไปในช่องกะทู้ และได้ถามถึงว่าเธอควรจะทำยังไงดี
ได้คอมเมนต์หนึ่งได้เขียนตอบกลับไปว่า ให้เธอลุกขึ้นไปที่ด้านหน้าของรถไฟเพื่อที่จะไปดูคนที่ขับรถไฟอยู่สิว่าทำไมไม่จอด ซึ่งหลังจากนั้นตัวเธอก็ลุกขึ้นเพื่อที่จะไปด้านหน้าอย่างที่คอมเมนต์ได้บอกเธอเอาไว้ ซึ่งพอตัวเธอได้ไปถึงด้านหน้าก็ได้พบกับว่าประตูนั้นได้ล็อกเอาไว้อยู่ไม่สามารถเข้าไปได้ และตัวประตูนั้นก็มีม่านหนาทึบขวางเอาไว้ทำให้เธอนั้นไม่สามารถเห็นคนที่อยู่ข้างในได้เลย เธอจึงตัดสินใจที่จะเคาะประตูและพูดออกไปว่า “ขอโทษนะคะ รถไฟสายนี้จะไปจอดที่ชานชาลาไหนเหรอ” แต่ก็ไม่มีใครตอบกลับออกมาและพบเจอแต่เสียงเงียบที่ออกมาแทน หลังจากนั้นตัวเธอก็ได้กลับมานั่งที่ ที่นั่งของเธอและพอเวลาได้ผ่านไปซักพัก รถไฟแห่งนี้ก็ได้มืดลงอย่างกะทันหันเหมือนกับว่ารถไฟแห่งนี้ได้ขับเข้าอุโมงมืดทึบ แต่มันเป็นไปไม่ได้อย่างแน่นอนด้วยความที่ตัวเธอนั้นใช้รถไฟสายนี้อยู่ตลอดจึงทำให้รู้ว่า มันไม่มีอุโมงอยู่ตลอดสาย มันเป็นไปไม่ได้เลยด้วยซ้ำ และหลังจากนั้นรถไฟก็ได้ออกมาจากอุโมงและก็ได้ทำท่าเหมือนกับว่ากำลังจะจอดลงที่ชานชาลาแห่งหนึ่ง เธอจึงตัดสินใจที่จะเดินลงไปที่ชานชาลาแห่งนี้เพื่อที่ว่าถ้าได้พบเจอคน เธอจะขอความช่วยเหลือและพาเธอกลับบ้านนั่นเอง หลังจากที่ตัวเธอได้ลงจากรถไฟนั้น รถไฟก็ปิดประตูทันทีและไปต่ออย่างรวดเร็ว
หลังจากนั้นเธอก็พยายามที่จะหาคนที่อยู่โดยรอบ ปรากฏว่ารอบๆนั้นไม่มีใครอยู่เลย มันเป็นเพียงสถานีที่ดูเก่าแก่เต็มไปด้วยต้นไม้รกร้าง และมีป้ายเขียนเอาไว้ว่า “คิซารากิ” ด้วยสภาพที่มีความน่ากลัวเธอจึงรีบโทรหาพ่อและแม่ของเธอ เพื่อที่จะให้พวกเขาเข้ามารับเธอที่สถานีนี้ แต่หลังจากที่ทั้งสองได้รู้ว่าสถานีคิซารากินั้น มันไม่เคยมีอยู่ในประเทศญี่ปุ่นเลย และทั้งสองก็ไม่เคยได้ยินเช่นกัน ดังนั้นพวกเขาจึงตัดสินใจแจ้งตำรวจเพื่อที่จะไปตามหาตัวของเธอที่อยู่สถานีนี้ ปรากฏว่าตำรวจได้บอกมาว่าที่ประเทศญี่ปุ่นนั้นไม่มีสถานีที่ว่าอยู่เลย จึงไม่สามารถช่วยเหลือได้ หลังจากนั้นสัญญาณโทรศัพท์ของเธอก็หายไปทำให้เธอไม่สามารถติดต่อกับพ่อแม่ของเธอได้ แต่เธอก็ยังสามารถใช้อินเทอร์เน็ตได้และได้เขียนทุกอย่างเอาไว้ในกระทู้ว่าเธอได้พบเจอกับอะไรบ้างตอนนี้ และได้บอกเอาไว้ว่าแบตของเธอกำลังจะหมดแล้ว ถ้าเธอรอดออกจากสถานที่ตรงนี้ได้ เธอจะกลับมาเล่าให้ฟังว่าเธอหลุดออกมาได้อย่างไร แต่หลังจากนั้น ก็ไม่มีคอมเมนต์ของเธอปรากฏอีกเลย
ติดตามเรื่องราวตำนาน สิ่งลี้ลับ เรื่องเล่าชวนหลอน : ตำนาน เรื่องหลอน เรื่องลี้ลับ เรื่องแปลกทั่วโลก 2023 บอกเล่าเรื่องราว
สามารถติดตามเรื่องราวในตำนาน สิ่งลี้ลับ เรื่องเล่าชวนหลอนได้เพิ่มเติมที่แฟนเพจของเรา : 10 เรื่องในตำนาน