กำเนิดกำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีน (長城) นั้นมีความสำคัญในเชิงจุดยุทธศาสตร์สำคัญในสมัยราชวงศ์ฉิน เพื่อป้องกันการบุกรุกจากชาวฮั่น หรือชนเผ่าเร่ร่อนบนหลังม้าในสมัยนั้น ซึ่งจะคอยมารุกรานชาวจีนตามแนวชายแดนอยู่เนืองๆ และเป็นไม้เบื่อไม้เมากับชาวจีนในยุคนั้นมาก ซึ่งกำแพงนี้ก็ได้เริ่มสร้างกันมาตั้งแต่ก่อนสมัยของ จิ๋นซีฮ่องเต้ แล้ว โดยก๊ก หรือแคว้นที่อยู่ตามแนวชายแดนต่างสร้างขึ้นเพื่อป้องกันตนเอง
กลุ่มชนเผ่าเร่ร่อนจากทางเหนือนั้น แม้จะมีจำนวนประชากรน้อยกว่าชาวจีนอยู่มาก แต่เมื่อพวกเขาอยู่บนหลังม้า ใช้อาวุธธนูได้อย่างคล่องแคล่วแม่นยำ อีกทั้งกลุ่มชาวเหนือนี้ยังมีความอดทนสูงต่อสภาพแวดล้อมอันเลวร้าย จึงนับเป็นภัยคุกคามทางการทหารอย่างร้ายแรง
กระทั่งจิ๋นซีฮ่องเต้ (หรือ ฉินซื่อหวงตี้) ได้ปฏิบัติการรวมประเทศแบบเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ในช่วง 221 ปีก่อนคริสตกาล และเริ่มโครงการสร้างป้อม และแนวกำแพงของแคว้นต่างๆ เชื่อมเข้าด้วยกัน จนกลายเป็นกำแพงยาวหนึ่งเดียวในที่สุด นับเป็นช่วงเฟสแรกของกำแพงก็ว่าได้ มีระยะทางรวมประมาณ 5,000 กิโลเมตร
“ตำนานกล่าวว่า กำแพงเมืองจีนนั้นสร้างโดยมีต้นแบบจากมังกร สัตว์ศักดิ์สิทธิ์อันทรงอำนาจมากที่สุด มีพลังปกป้องคุ้มครองเขตของตนเอง”
ไล่ไปตั้งแต่ราชวงศ์ฮั่น 100 ปี ก่อนคริสต์ศักราช ราชวงศ์สุย ปีค.ศ. 581-ค.ศ. 618 ราชวงศ์หยวน ปีค.ศ.1271 และราชวงศ์หมิง ปีค.ศ.1368-ค.ศ.1644 ผ่านมาแต่ละยุค แต่ละสมัยกำแพงก็ได้รับการต่อเติม เสริมความแข็งแกร่ง รวมถึงบางส่วนที่สร้างขึ้นใหม่ด้วย ยิ่งทำให้กำแพงมีความยาวมากขึ้น จากผลการสำรวจของสำนักงานมรดกวัฒนธรรมแห่งชาติจีน วันที่ 6 เดือน มิถุนายน พ.ศ.2555 พบว่ากำแพงมีความยาวรวมอยู่ที่ 21,196.18 กิโลเมตร
พื้นที่และอาณาเขตของกำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีนมีอาณาเขตครอบคลุมทั้งหมด 9 มณฑล คือ มณฑลเหลียวหนิง , มณฑลเทียนจิน, มณฑลเหอเป่ย์, ปักกิ่ง, เขตปกครองตนเองมองโกเลียใน, มณฑลซานซี, มณฑลส่านซี, เขตปกครองตนเองหนิงเซี่ยหุย และ มณฑลกานซู ด้วยความครอบคลุมขนาดนี้ ชาวจีนจึงมอบอีกสมญาหนึ่งให้กับมันว่า “กำแพงหมื่นลี้” นั่นเอง
รูปร่างของกำแพงเมืองจีน
กำแพงเมืองจีน เมื่อปี ค.ศ.1907
สำหรับโครงสร้างของกำแพงในยุคแรกๆ นั้นจะยังไม่แข็งแรงเท่ายุคหลังๆ เพราะสร้างด้วยดินโคลนผสมฟาง ด้วยการนำเอาดินโคลนและฟาง หิน มาวางเป็นชั้น ๆ และกระทุ้งด้วยค้อนไม้ ซึ่งก็เป็นหลักการเดียวกับการบดอัดดินให้แน่น
กระทั่งมาถึงยุคราชวงค์ถัง จึงเริ่มสร้างสร้างด้วยอิฐก้อนใหญ่ แกนหินข้างในถมด้วยดินเหลืองและเศษหิน ความสูงประมาณ 10 เมตร สันกำแพงกว้างประมาณ 4 ถึง 5 เมตร ม้า 4 ตัวเดินเรียงพร้อมกันได้ สามารถขนส่งอาหาร และอาวุธยามศึกได้อย่างสะดวกโยธิน ด้านในของกำแพงเมืองมีประตูที่ทำบันไดหินไว้ การขึ้นลงสะดวกเป็นอย่างมาก ทั้งนี้ยังมีป้อมที่จุดไฟสัญญาณแจ้งเหตุเป็นช่วง ๆได้อีกด้วย ป้อมสำหรับเก็บอาวุธ อาหารและที่พักของเหล่าทหารที่รักษาการประจำป้อม ยามศึกสงครามก็จะใช้เป็นที่กำบังได้ เวลามีศัตรูบุกเข้ามาก็จะจุดไฟสัญญาณให้มีควันขึ้นบนป้อม เมื่อป้อมใกล้เคียงเห็นควันก็จะจุดไฟแจ้งเหตุต่อๆ กันไปเพื่อส่งข่าวไปยังทั่วประเทศได้ทันที ซึ่งแต่ละป้อมจะห่างกันประมาณราวๆ 300-500 หลา รวมๆ แล้วทั้งแนวกำแพงจะมีป้อมสังเกตุการณ์กว่า 1 หมื่นแห่งเลยทีเดียว
จากกำแพงหมื่นลี้สู่ความยิ่งใหญ่มรดกโลก
กำแพงเมืองจีนได้รับคัดเลือกให้เป็นมรดกโลกในปี ค.ศ.1987 ในการประชุมคณะกรรมการมรดกโลกสมัยสามัญครั้งที่ 11 ที่กรุงปารีส ประเทศฝรั่งเศส ด้วยข้อกำหนดและหลักเกณฑ์ในการพิจารณา ดังนี้
จัดเป็นตัวแทนซึ่งแสดงผลงานชิ้นเอกที่จัดทำขึ้นด้วยการสร้างสรรค์อันฉลาด
เป็นสิ่งที่มีอิทธิพลยิ่ง ผลักดันให้เกิดการพัฒนาสืบต่อมาในด้านการออกแบบทางสถาปัตยกรรม อนุสรณ์สถาน ประติมากรรม สวนและภูมิทัศน์ ตลอดจนการพัฒนาศิลปกรรมที่เกี่ยวข้อง หรือการพัฒนาการตั้งถิ่นฐานของมนุษย์ ซึ่งได้เกิดขึ้นในช่วงเวลาใดเวลาหนึ่ง หรือบนพื้นที่ใดๆของโลกซึ่งทรงไว้ซึ่งวัฒนธรรม
เป็นสิ่งที่ยืนยันถึงหลักฐานของวัฒนธรรมหรืออารยธรรมที่ปรากฏให้เห็นอยู่ในปัจจุบันหรือว่าที่สาบสูญไปแล้วเป็นตัวอย่างอันโดดเด่นของประเภทของสิ่งก่อสร้างอันเป็นตัวแทนของการพัฒนาทางด้านวัฒนธรรม สังคม ศิลปกรรม วิทยาศาสตร์ เทคโนโลยี อุตสาหกรรม ในประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติ
มีความคิดสร้างสรรค์และความเชื่อที่เกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือมีความโดดเด่นยิ่งในประวัติศาสตร์
ด่านสำคัญต่างๆ ตามแนวกำแพงเมืองจีน
ถึงปัจจุบันนี้กำแพงเมืองจีนจะไม่ได้ใช้เพื่อป้องกันภัยรุกรานจากภายนอกอีกแล้ว แต่การบูรณะซ่อมแซมก็ยังคงต้องดำเนินต่อไป เพราะมันกลายมาเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของทั้งชาวจีน และนักเดินทางจากต่างแดนเป็นที่เรียบร้อย
ด่านปาต้าหลิ่งของกำแพงเมืองจีน
- สำหรับด่านที่นักท่องเที่ยวนิยมไปกันมากที่สุด เพราะอยู่ใกล้กับกรุงปักกิ่ง แถมยังมีรถกระเช้าอำนวยความสะดวก ไม่ต้องเดินเองให้เมื่อยตุ้ม ก็คือที่ด่านปาต้าหลิ่ง (八达岭) นั่นเองครับ
ด่านซือหม่าไถของกำแพงเมืองจีน
- รองลงมาก็คือด่านซือหม่าไถ (司马台长城) แม้จะเป็นลำดับรอง แต่ด่านนี้นับเป็นจุดชมวิวที่สวยที่สุดของกำแพงเมืองจีนครับ ใครที่อยากได้ภาพกำแพงพร้อมวิวสวยๆ มักจะมากันที่นี่
ด่านจินซานหลิ่งของกำแพงเมืองจีน
- ต่อมาคือด่านจินซานหลิ่ง (金山岭长城) ที่ไม่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเท่าไหร่ แต่ถ้าใครอยากไปดูกำแพงเมืองแบบแท้ๆ จริง โดยยังไม่ผ่านการบูรณะจนสวยงาม แต่ได้ความขลังล่ะก็ต้องมาดูครับ
ด่านหวงฮวาเฉิงของกำแพงเมืองจีน
- ด่านหวงฮวาเฉิง (黄花城) ด่านนี้ก็คนรู้จักน้อย แต่ความพิเศษคือเป็นด่านที่อยู่ริมน้ำครับ ได้วิวแบบที่ไม่ได้เห็นที่ไหนแน่นอน
ด่านเจียยวี่ของกำแพงเมืองจีน
- สุดท้าย ด่านเจียยวี่ (嘉峪关) ที่อยู่ด้านปลายสุดของกำแพงฝั่งตะวันตก อยู่บนเส้นทางสายไหมที่บรรจบกับชายแดนมองโกลอีกด้วย ตรงนี้จะได้วิวทะเลทรายเวิ้งว้างไกลโพ้น