STORYREVIEW
STORYREVIEW
ตำนาน เรื่องหลอน เรื่องลี้ลับ 2023

ทำไมหอเอนปิซ่าไม่ล้ม

ทำไมหอเอนปิซ่าไม่ล้ม

เป็นเรื่องที่น่าอัศจรรย์เป็นอย่างมากสำหรับสิ่งก่อสร้างตั้งแต่สมัยยุคกลาง คริสต์ศตวรรษที่ 5 ถึง คริสต์ศตวรรษที่ 15 อย่าง หอเอนปิซ่า Pisa ที่ประเทศอิตาลี Italy ที่ยังคงความสมบูรณ์แม้จะมีฐานที่ยุบตัวไปข้างนึง จึงส่งผลให้ตัวของหอมีความเอนมาตลอดระยะเวลาถึง 1,000 ปีเลยทีเดียว แต่ก็ยังไม่ล้มลง จุดนี้เองจึงทำให้หอเอนปิซาได้รับการยกย่องเป็น มรดกโลก แถวยังได้อีก1ตำแหน่ง นั่นก็คือ 7 สิ่่งมหศจรรย์ของโลก อีกด้วย

หอเอนเมืองปิซา 

ชื่อในภาษาอิตาลี Torre pendente di Pisa หรือ La Torre di Pisa ชื่อในภาษาอังกฤษ Leaning Tower of Pisa ได้ตั้งอยู่ที่เมือง ปิซา Pisa ประเทศ อิตาลี Italy ในจัตุรัสเปียซซา เดลดูโอโม เป็นหอระฆังของศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก Roman Catholic มีลักษณะรูปร่างเป็นหอทรงกระบอก 8 ชั้น สร้างด้วยหินอ่อนสีขาว สูง 183.3 ฟุต หรือราวๆ 55.86 เมตร น้ำหนักรวมประมาณ 14,500 ตัน มีบันไดรวมทั้งหมด 293 ขั้น โดยมีองศาในการเอียงอยู่ที่ 3.97 องศา และ มียอดของหอห่างจากแนวตั้งฉาก 3.9 เมตร

ประวัติของหอเอนปิซ่า

  เริ่มสร้างหอเอนปิซ่าเมื่อในวันที่ 9 เดือน สิงหาคม ปีค.ศ.1173 และ ได้ทำการสร้างเสร็จในปีค.ศ.1350 โดยใช้เวลาในการสร้างโดยประมาณ 175 ปี แต่การก่อสร้างนั้นได้มีการหยุดชะงักถึง 2 ครั้งเลยทีเดียว ครั้งแรกหยุดสร้าง เมื่อสร้างไปได้ถึงชั้น 3 เนื่องจากพื้นใต้ดินเป็นพื้นดินที่นิ่ม ทำให้หอมีการยุบตัว และต่อมาในปี ค.ศ. 1272 จีโอแวนนี่ ดี สิโมน สร้างให้เอนกลับไปอีกด้านหนึ่งเพื่อให้เกิดความสมดุล แต่การก่อสร้างในครั้งนี้ ก็ต้องหยุดชะงักลงอีกครั้งเนื่องจากเกิดสงคราม ภายหลังได้มีการสร้างหอต่อขึ้นอีก ทำให้หอมีความสูงทั้งหมด 7 ชั้น ในปีค.ศ.1319 ในปี 1319 หอเอนเมืองปิซาสร้างเสร็จในปี ค.ศ. 1372 หลังจากนั้นระหว่างปี พ.ศ. 2533-2544 หอเอนเมืองปิซาได้รับการปรับปรุงและทำให้แข็งแรงขึ้น เพื่อป้องกันไม่ให้หอคอยพัง ตอนนี้ทุกๆ 20 ปี หอคอยจะเอียง 1 นิ้ว สมมติว่าหอคอยจะถล่มในปีค.ศ. 2220 ถ้าหากไม่มีการป้องกันใดๆ

  ผมเชื่อว่าไม่มีใครไม่รู้จักกาลิเลโอ กาลิเลอิ นักวิทยาศาสตร์ที่มีชื่อเสียงในประวัติศาสตร์ ระหว่างที่ฉันอยู่และเรียนที่เมืองปิซา ระหว่างปี ค.ศ. 1589-1592 นั้น เขาก็ได้ทำการทดสอบแรงโน้มถ่วงด้วยการนำลูกบอล 2 ลูกที่มีน้ำหนักไม่เท่ากันมาทิ้งลงจากหอระฆังแห่งนี้ และผลก็เป็นดังที่เขาคาด ก็คือลูกบอลทั้ง 2 ลูกร่วงลงบนพื้น และ ในปี ค.ศ.1934 เบนิโต มุสโสลินี พยายามจะทำให้หอกลับมาตั้งฉากดังเดิม โดยเทคอนกรีตลงไปที่ฐาน แต่กลับทำให้หอยิ่งเอียงมากขึ้นไปอีก กองทัพสหรัฐฯ ตัดสินใจไม่ยิงปืนใหญ่ใส่หอเอนเมืองปิซา และ ต่อมาเมื่อ วันที่ 27 กุมภาพันธ์ ค.ศ.1964 รัฐบาลอิตาลี พยายามหยุดการเอียงของหอเอนเมืองปิซา โดยผู้เชี่ยวชาญในด้านต่าง ๆ เช่น วิศวกร นักคณิตศาสตร์ และนักประวัติศาสตร์ โดยใช้เหล็กรวมกว่า 800 ตัน ค้ำไว้ไม่ให้หอล้มลงมา เมื่อวันที่ 7 มกราคม ค.ศ.1990 หอเอนเมืองปิซาถูกปิดไม่ให้นักท่องเที่ยวเข้าชม เพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังขุดดินของอีกด้านหนึ่งออก เพื่อให้สมดุลยิ่งขึ้น และในวันที่ 15 ธันวาคม 2001 หอเอนเมืองปิซาถูกเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมอีกครั้ง และถูกประกาศว่าสมดุลแล้วใน 300 ปีต่อมาหลังจากเริ่มทำการปรับปรุง และ เมื่อในปีค.ศ.1987 หอเอนเมืองปิซาถูกประกาศให้เป็นมรดกโลก โดยเป็นส่วนหนึ่งของ Piazza Dei Miracoli หอเอนเมืองปิซายังเป็น 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลกยุคกลางอีกด้วย

หอเอนปิซ่า จนถึงปัจจุบัน 

  เวลาล่วงเลยไปหลายร้อยปี หอเอนปิซ่า ก็ยังคงเอนลงอย่างต่อเนื่อง แม้จะมีการเทคอนกรีตลงไปที่ฐานเพื่อทำให้หอระฆังกลับมาตั้งฉากเหมือนเดิม แต่นั่นกลับยิ่งทำให้หอยิ่งเอนลงไปอีก จนกระทั่งปี ค.ศ. 1990 ทางรัฐบาลอิตาลีได้เชิญผู้เชี่ยวชาญทางด้านศาสตร์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นนักวิทยาศาสตร์ นักคณิตศาสตร์ และวิศวกรมาหาวิธีสร้างสมดุลให้กับหอระฆังแห่งนี้ มีการซ่อมแซมกันอยู่นาน และในที่สุดหอระฆังแห่งนี้ก็เกิดความสมดุลและไม่เอนลงอีก จนสามารถเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาเยี่ยมชมความอัศจรรย์ของ หอเอนปิซ่า แห่งนี้ได้อีกครั้งตั้งแต่ปี 2001 เป็นต้นมา

ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็น มรดกโลกและสิ่งมหัศจรรย์ของโลก 

  ความมหัศจรรย์ของ หอเอนปิซ่า รวมถึงความสมบูรณ์ของสถาปัตยกรรมทำให้ที่นี่ได้รับการขึ้นทะเบียนจาก องค์การศึกษา วิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ UNESCO ให้เป็นมรดกโลกในปีค.ศ.1987 อีกทั้งยังถูกจัดให้เป็น 1 ใน 7 สิ่งมหัศจรรย์ของโลก (7 Wonders) ในยุคกลางอีกด้วย เรียกได้ว่าเป็นสิ่งก่อสร้างที่สร้างความตื่นตาตื่นใจให้กับชาวโลกทุกคนมาเป็นเวลาหลายร้อยปีเลยทีเดียว