STORYREVIEW
STORYREVIEW
ตำนาน เรื่องหลอน เรื่องลี้ลับ 2023

ถนนบิมินี

ถนนบิมินี

เปิดตำนาน แนวถนนบิมินี โบราณสถานใต้ทะเลลึกที่เชื่อกันว่าอาจเป็นเศษซากของอารยธรรมแอตแลนติสที่หายสาบสูญ

เอ็ดการ์ เคย์ซีย์ คือผู้บุกเบิกด้านพลังจิต และเขาได้รับการยกย่องว่าเป็นผู้หยั่งรู้เหตุการณ์ล่วงหน้าโดยใช้พลังจิตที่เขามี และหนึ่งในคำทำนายที่โด่งดังของเขา คือการออกมายืนยันว่า ‘แอตแลนติส’ ดินแดนที่สาบสูญนั้นมีอยู่จริง เมื่อปี ค.ศ.1940 และเราจะได้พบกับเศษซากอารยธรรมบางส่วนของแอตแลนติสใกล้กับหมู่เกาะบิมินีระหว่างปี ค.ศ.1968 – 1969 และภายหลังก็ได้มีการค้นพบกับแนวถนนบิมินี ในช่วงเวลาที่เคย์ซีย์ได้ทำนายเอาไว้จริง

แนวถนนบิมินี คือกลุ่มหินที่ถูกจัดวางเรียงอยู่ใต้น้ำใกล้กับเกาะบิมินีเหนือใกล้กับหมู่เกาะบาฮามาส แนวถนนบิมินีมีลักษณะเป็นเส้นตรงพาดยาวจากทิศตะวันออกเฉียงเหนือ-ตะวันตกเฉียงใต้ ที่ประกอบไปด้วยบล็อกหินปูนรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โดยวัดความยาวได้ 800 เมตร แน่นอนว่านักสำรวจและนักโบราณคดี ต่างมีคำถามว่าแนวถนนบิมินีที่เกิดขึ้นนี้เกิดขึ้นจากธรรมชาติ หรือเกิดขึ้นจากฝีมือมนุษย์กันแน่ และ ถ้าหากมันเกิดจากฝีมือของมนุษย์จริง ด้วยลักษณะโครงสร้างของมัน ควรจะเป็นแนวกำแพง ถนน ท่าเรือโบราณ หรือ เขื่อนกันแนวคลื่น อย่างใดอย่างหนึ่งก็เป็นได้

ย้อนกลับไปเมื่อวันที่ 2 เดือน กันยายน ปี ค.ศ.1968 ทีมงานนักประดาน้ำสามคนได้แต่ โจเซฟ แมนสัน วาเลนไทน์, ฌาคส์ มาโยล และ โรเบิร์ต แองโกลฟ์ ได้ค้นพบ แนวถนนที่มีลักษณะเหมือนทางเท้านอกชายฝั่งตะวันตกเฉียงเหนือของเกาะบิมินีเหนือ หลังจากการค้นพบในวันนั้น ก็ได้มีนักสำรวจ นักโบราณคดี นักมานุษยวิทยา และวิศวกรรมเรือ ได้ดำน้ำลงไปเพื่อสำรวจแนวถนนบิมินี จนได้พบแนวถนนที่มีลักษณะคล้ายทางเท้าขนานกันอยู่ริมฝั่งของแนวถนนบิมินีสายหลัก

จากการสำรวจอย่างละเอียด ทำให้เราได้ข้อมูลที่น่าสนใจเกี่ยวกับแนวถนนบิมินี ว่ามันมีลักษณะเป็นแนวเส้นตรงที่ประกอบไปด้วยบล็อคหินรูปสีเหลี่ยมผืนผ้าทอดยาว 800 เมตร และแนวถนนบิมินีจะตีเส้นโค้งเหมือนตะขออยู่ตรงปลายด้านทิศตวันตกเฉียงใต้ โดยบล็อคหินเหล่านี้น่าจะถูกนำมาจากหมู่เกาะบาฮามาส และลักษณะโค้งมนของแนวถนนบิมินี น่าจะเกิดจากกระบวนการทางชีวภาพ ทางกายภาพ หรือทางเคมี และคาดว่าลักษณะเดิมของแนวบล็อคหินที่จมอยู่ใต้น้ำทะเลมานานน่าจะถูกกัดเซาะ จนทำให้เราไม่ทราบลักษณะพื้นผิวดั้งเดิม หรือถ้าหากมีการแกะสลักเครื่องหมายจารึก ก็ไม่น่าจะอยู่รอดมาได้จากการกัดเซาะของน้ำทะเลลึกในระดับนี้

และที่สำคัญ นักสำรวจยังพบว่า นอกจากบริเวณดังกล่าวที่มีการตรวจพบแนวถนน ในบริเวณใกล้เคียงไม่มีการพบลักษณะแนวถนนในบริเวณโดยรอบ และยังไม่ตรวจพบความเชื่อมโยงกับแนวชายฝั่ง จนทำให้ไม่สามารถเชื่อได้ว่า แนวถนนดังกล่าวถูกสร้างเพื่อเป็นแนวเขื่อนหรือท่าเรือโบราณ ทั้งนี้ด้วยความยาวเพียง 800 เมตร ที่ไม่ได้มีความต่อเนื่องและเครือข่ายเชื่อมโยงมากพอ เลยทำให้เชื่อได้ยากว่ามันคือแนวถนนที่มนุษย์ในยุคโบราณใช้เพื่อเดินทางสัญจรไปมา

และเมื่อค้นคว้าเพิ่มเติมถึงต้นกำเนิดของแนวถนนบิมีนี ก็ได้ข้อมูลที่น่าสนใจว่าเมื่อราว 15,000 ปีก่อน น้ำทะเลในภูมิภาคนี้มีความสูงเพียง 95 – 100 เมตร ซึ่งน้อยกว่าความสูงของระดับน้ำทะเลในปัจจุบัน ด้วยเหตุนี้เอง จึงมีนักสำรวจบางคนให้ความเห็นว่า แนวถนนบิมินี น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของสิ่งปลูกสร้างบางอย่างที่มีความซับซ้อน เนื่องจากจากการสำรวจอย่างละเอียด พบว่าแนวถนนบิมินี น่าจะเกิดจากการที่มีใครสักคนนำบล็อกหินไปวางใต้ท้องทะเลอย่างตั้งใจ จนนำมาสู่การตรวจค่าหาอายุที่แท้จริงของแนวถนนบิมินี ด้วยการใช้กระบวนการ เรดิโอคาร์บอน โดยมีการนำตัวอย่างก้อนหินจากแนวถนนบิมินีมาตรวจสอบอย่างละเอียดระหว่าง ปี ค.ศ.1977 – 1979 จนทำให้ได้คำตอบว่า แนวบล็อกหินที่ก่อตัวเป็นแนวถนนบิมินีใต้ท้องทะเล มีอายุราวๆ 1,900 – 2,000 ปี ที่แล้ว

แน่นอนว่าแนวถนนบิมินี ยังเต็มไปด้วยความลับมากมายที่ท้าทายให้นักสำรวจและนักโบราณคดีค้นหาคำตอบที่แท้จริงว่า เจ้าสิ่งปลูกสร้างโบราณที่มีลักษณะคล้ายแนวถนนนี้เกิดขึ้นได้อย่างไร และถ้าหากเป็นฝีมือของมนุษย์จริง ก็มีคำถามตามมาว่า มนุษย์ในยุคนั้นสร้างแนวถนนบิมินีมาเพื่อเหตุผลอะไรกันแน่?

ถ้าหากอ้างอิงจากคำทำนายของเอ็ดการ์ เคย์ซีย์ ก็อาจเป็นไปได้ว่า เจ้าแนวถนนบิมินี อาจเป็นเศษซากที่หลงเหลือของอารยธรรมแอตแลนติสที่ล่มสลายไปเมื่อราว 10,000 ปีก่อน และมันอาจเป็นแนวถนนหรือท่าเรือโบราณ ในยุคสมัยที่พื้นที่แถบนี้ยังเป็นพื้นดินอยู่ก็เป็นไปได้