ตำนานหลอนพระนอนกินเณร

พอเวลาผ่านไปทั้งตัวหลวงพ่อทองและพระองค์อื่นๆก็ยังคงหาสาเหตุไม่ได้และทำได้เพียงปล่อยผ่านไป แต่พอเวลาได้ผ่านไปเรื่อยๆก็ปรากฏว่าได้มีเหตุการณ์ประหลาดเกิดขึ้นมาอีก เพราะว่าหลังจากที่เณรคนแรกได้หายไป ก็ได้มีเณรองค์อื่นๆได้หายไปเรื่อยๆเช่นกัน นั่นจึงได้สร้างความประหลาดใจให้แก่พระในวัดอีกครั้ง และสังเกตได้ว่าเณรที่หายไปส่วนใหญ่นั้นจะจำวัดอยู่ที่โบสถ์ท้ายวัดที่อยู่ข้างๆกับเจดีย์เก่าที่มีมานานมาแล้ว ซึ่งเจดีย์นั้นก็ได้มีพระอยู่องค์หนึ่งที่อยู่ประจำที่เจดีย์แห่งนั้น

ตัวหลวงพ่อจึงตัดสินใจที่จะเดินเข้าไปเช็คที่เจดีย์แห่งนั้นและได้พูดคุยกับพระองค์นี้ที่ประจำอยู่กับเจดีย์แห่งนี้จึงได้ความมาว่า เจดีย์แห่งนี้นั้นได้มีพระพุทธรูปองค์ยืนอยู่องค์หนึ่ง มีขนาดที่เทียบเท่าคนยืนไม่ได้ใหญ่ไปกว่าคนซักเท่าไหร่ แต่หลังจากที่ได้เกิดเหตุการณ์เณรหายขึ้นมา ก็ได้เกิดสิ่งผิดปกติขึ้นกับพระพุทธรูปองค์นี้เพราะว่ามีขนาดที่ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ และที่สำคัญนั้นได้มีเศษผ้าชายของจีวรได้ติดอยู่ตรงบริเวณปากของพระพุทธรูปองค์นี้และยิ่งกว่านั้นคือท่านได้สังเกตเห็นถึงคราบสีแดงๆที่ติดอยู่ตรงบริเวณปากของพระพุทธรูปองค์นี้ ซึ่งนี้ก็ได้สร้างความตกใจให้กับหลวงพ่อทองเป็นอย่างมาก แต่ท่านก็ไม่ได้ตัดสินใจและโทษเกี่ยวกับการหายไปของเณรให้กับพระพุทธรูปองค์นี้ แต่ท่านก็ไม่สามารถหาสาเหตุของการหายไปของเณรหลายๆองค์ได้ แต่พอหลังจากนั้นเวลาได้ผ่านไปอีก ก็ได้มีเณรได้หายไปอีกหลังจากนั้น พระท่านจึงได้กับมาที่เจดีย์แห่งนี้อีกครั้งและก็พบว่า พระพุทธรูปที่เป็นปรางยืนอยู่ในตอนแรกนั้น ได้เปลี่ยนไปเป็นพระพุทธรูปปรางนอนและมีขนาดที่ใหญ่กว่าเดิมจากที่เขาได้เห็นรอบก่อนถึง สองเท่า นั่นจึงทำให้ท่านมั่นใจมากขึ้นว่าคงเป็นเพราะพระพุทธรูปองค์นี้อย่างแน่นอน หลังจากนั้นจึงได้มีการทำพิธีและพันสายสินธ์เอาไว้รอบๆเจดีย์แห่งนี้ และหลังจากนั้นก็ไม่มีการหายไปของเณรอีกเลย