STORYREVIEW
STORYREVIEW
ตำนาน เรื่องหลอน เรื่องลี้ลับ 2023

ตำนาน”กินรี”

ตำนาน

ขณะเดียวกัน คนที่ชื่นชอบเครื่องรางมหาเสน่ห์ ที่ว่าด้วยตัณหาและกามารมณ์ล้วนๆ ก็จะเห็นเครื่องรางที่เกี่ยวข้องกับกินรี ที่บางสำนักนำมาเผยแพร่ในวงการวัตถุมงคลด้วยเช่นกันซึ่งเมื่อพูดถึงป่านี้ เราต้องลืม “ภาพ” ของป่าหิมพานต์ในวรรณคดี หรือตามจิตรกรรมฝาผนังในวัดออกไปเสียก่อนนะครับ เพราะป่าหิมพานต์ในความเป็นจริง ก็ไม่ได้แตกต่างกับป่าไม้ทั่วไปในโลกของเราหรอกครับ และที่จริงก็ซ้อนทับอยู่ในป่าดงดิบต่างๆ ที่เรารู้จักกันดีอยู่แล้วนั่นเอง เพียงแต่ว่าอยู่ในอีกมิติหนึ่ง ที่คนธรรมดาสามัญไม่สามารถจะผ่านเข้าไปได้

ตำนาน

ซึ่งอมนุษย์เหล่านี้ก็คือ สิ่งมีชีวิตที่มีทั้งกายหยาบและกายละเอียด มีวิญญาณ ต้องกิน ต้องนอนและสืบพันธุ์ มีการเกิดแก่เจ็บตายเหมือนมนุษย์เราทุกประการ

อมนุษย์จำพวกนี้ มีวิชาอาคมเฉพาะของเผ่าพันธุ์ ในการประดิษฐ์เครื่องมือที่ใช้ในการบิน คือ ปีก ซึ่งเมื่อนำมาสวมใส่แล้วก็จะบินได้ตามต้องการ เมื่อไม่ใช้ก็ถอดเก็บและถ้าไม่มีปีก จะไปไหนก็ต้องเดินไปเหมือนคนเราดังปรากฏในนิทานพื้นบ้าน เรื่อง พระสุธนมโนห์รา ซึ่งที่จริงมิได้มีเฉพาะในเมืองไทย แต่เล่าขานกันในทุกอารยธรรมที่อยู่ชายฝั่งมหาสมุทรแปซิฟิกมาเป็นเวลานานนับพันปีมาแล้ว ทั้งในมลายู อินโดนีเซีย เรื่อยไปจนถึงญี่ปุ่นแม้กระทั่งในตำนานของพวกยุโรปเหนือ หรือ นอร์ส ก็มีเรื่องของอมนุษย์จำพวกเดียวกันนี้ ซึ่งเขาเรียกว่า วัลคีรีส์

จากตำนานพื้นบ้านเหล่านี้ มักจะมีส่วนที่ตรงกันอย่างหนึ่งครับ ปีกของกินนรกินรีเหล่านั้น สามารถถอดได้ เมื่อถอดแล้วถูกขโมยไป มนุษย์นกหรือกินรีเหล่านั้น ก็ไม่สามารถหนีไปไหนได้ในขณะเดียวกันก็สามารถอยู่กิน มีลูกมีหลานกับมนุษย์ธรรมดาได้เป็นการบ่งบอกว่า ไม่ใช่เป็นครึ่งคนครึ่งนก แต่เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีรูปลักษณ์เหมือนคน ที่บินได้ด้วยวิชาอาคมในรูปของปีกเลียนแบบนก อมนุษย์เหล่านี้ โดยเฉพาะเพศหญิง หรือกินรี จะมีพลังในด้านของความอุดมสมบูรณ์-เมตตามหานิยมในระดับสูงมาก

ตำนานกินรี

คนโบราณในแถบที่มีนิทานเกี่ยวกับมนุษย์นกหรือกินรี จึงมีวิชาฟ้อนรำ ที่ถ่ายทอดรูปแบบของกินรีมาใช้เพื่อความอุดมสมบูรณ์ เช่น ระบำตัวกิ้งกิงกะหล่า ของไทใหญ่, ระบำโนรา ของชาวไทยปักษ์ใต้ และ ระบำมโนห์ราบูชายัญ ของราชสำนักไทยภาคกลาง ระบำเหล่านี้ ต่อมาก็จะทำให้เกิดไสยเวทในการสร้าง และเสกเครื่องรางที่เป็นรูปกินรีโดยเฉพาะ เป็นสายวิชาหนึ่งที่ทำกันมานานแล้ว เพื่อผลทางความอุดมสมบูรณ์ และเมตตามหานิยม โดยที่เด่นชัดที่สุดนั้นสืบทอดกันอยู่ในพวกครูหมอโนราทางภาคใต้ของไทย

 ดังมีตัวอย่างอยู่ในปัจจุบัน มักเป็นเครื่องรางรูปกินรีขนาดห้อยคอและขนาดพกพา เป็นรูปกินรีเลียนแบบศิลปะเขมร แม้ว่าสายวิชาที่ใช้ จะเป็นไสยศาสตร์ไทยปักษ์ใต้และมลายูก็ตาม ปัจจุบันนี้ก็ยังมีการสืบทอดกันอยู่ครับ

ตำนาน
ตำนาน

ส่วนสายวิชาการเสกทำรูปกินรีอีกลักษณะหนึ่ง ซึ่งเป็นของไทยภาคกลางและภาคเหนือนั้น แตกต่างออกไป ก่อนอื่นเราจะต้องเข้าใจว่า เมื่อกินรีที่แท้จริงเป็นมนุษย์เหมือนเรา เพียงแต่อยู่ในอีกมิติหนึ่ง และมีความแตกต่างจากเราเพียงที่ผมได้อธิบายไปแล้วเท่านั้นจึงนับว่าเป็นไปไม่ได้เลยครับ ที่จะมีสายวิชาใดสามารถชักนำ หรือ ประจุ กินรีที่ยังมีชีวิต คือยังคงมีกายหยาบที่ต้องกิน ต้องนอน หายใจ และสืบพันธุ์เหล่านั้น ใส่ลงในประติมากรรมใดๆ ได้เหมือนกับเป็นไปไม่ได้ ที่เราจะเสกให้เพื่อนของเราที่ยังมีชีวิตอยู่ เข้าไปสิงอยู่ในเครื่องรางหรือรูปปั้นใดๆ ก็ตาม นั่นละครับ

คนเราที่สมัยมีชีวิตอยู่ ใครมีต้นทุนทางพลังจิต อิทธิวิธี หรือตบะเดชะมากกว่าคนอื่นแค่ไหน เมื่อตายไปแล้ว ก็เป็นวิญญาณที่มีฤทธิ์ มีพลังอำนาจ อยู่ในลำดับชั้นที่สูงกว่าวิญญาณคนสามัญธรรมดาทั่วไปมากเท่านั้นดวงวิญญาณของคนเรา ที่มีพลังอำนาจมาก ๆ มีบารมีมาก มีผู้ยกย่องบูชามาก ผ่านกาลเวลายาวนาน ก็จะเลื่อนชั้นสูงขึ้นเป็นเทพ ดังที่ผมได้อธิบายแล้วใน คู่มือบูชาเทพ ฉบับสมบูรณ์

แต่ใครที่สั่งสมบารมีไว้มาก เป็นที่นับถือบูชาในหมู่อมนุษย์ด้วยกัน ตายแล้วก็เป็นดวงวิญญาณที่มีฤทธิ์มากเหล่าอมนุษย์ที่ยังมีชีวิตอยู่ ย่อมบูชาดวงวิญญาณเหล่านี้ ในฐานะของเทพกินรี เทพวิทยาธร เทพคนธรรพ์ เทพอัปสร และเทพอสูร หรือเทพยักษ์ เหมือนที่พวกเรากราบไหว้บูชาองค์เทพต่างๆ ที่ล้วนเคยเป็นมนุษย์เช่นเดียวกับพวกเรา

ตำนาน
ตำนาน

วิธีการที่ผูกพันกับดวงวิญญาณของเทพกินรี ในระดับต่างๆ กันเช่นนี้ จึงเหมือนกับการทำเครื่องรางที่เกี่ยวข้องกับอมนุษย์ชนิดอื่นๆ ที่ผมยกตัวอย่างไปแล้วด้วยครับ

วิญญาณกินรีชั้นเทพเท่านั้นละครับ ที่จะมีฤทธิ์และพลังพอที่จะเลือกว่า จะตอบรับหรือไม่ตอบรับการเชิญ และโคจรจากมิติเดิมของตนเข้าสู่มิติของเราเพื่อรับและสถิตในเครื่องราง หรือ ประติมากรรมที่เราจัดเตรียมไว้ได้ ต่างกันเพียงแต่ว่า ถ้าเป็นองค์เทพชั้นสูง เมื่อทรงตอบรับการอัญเชิญแล้ว แต่ละองค์ย่อมทรงรับ ทรงเจิม และประจุปราณของแต่ละองค์เข้าสู่เทวรูปได้ทีละเป็นร้อยเป็นพันองค์ ขอให้เป็นเทวรูปที่สร้างอย่างถูกต้อง มีพิธีกรรมที่ถูกต้องก็พอ

 ในขณะที่เทพกินรีแต่ละองค์ (รวมทั้งดวงวิญญาณอมนุษย์ชั้นเทพอื่นๆ โดยทั่วไปด้วย) ถ้าใช้วิธีเดียวกันนี้ จะตอบรับ และสถิตในประติมากรรมขนาดบูชาขึ้นไปได้เพียง ๑ องค์เท่านั้น

ตำนาน

นั่นก็เพราะ แม้เทพกินรีและดวงวิญญาณอมนุษย์อื่นๆ ที่เป็นชั้นเทพ แม้จะมีฤทธานุภาพใกล้เคียงเทพบนสวรรค์ แต่ก็ยังห่างไกลจากเทพชั้นสูงอยู่มาก จึงไม่มีพลังหรือปราณมากเพียงพอ ที่จะแบ่งไปประจุไว้ในเทวรูปได้ครั้งละหลายๆ องค์ได้

ส่วนดวงวิญญาณของกินรีชั้นสามัญทั่วไป ยิ่งทำไม่ได้อย่างนี้เป็นอันขาด ต้องใช้วิธีผูกยันต์ผูกหุ่นลงอักขระเพื่อไปดึงดูดมาเท่านั้นละครับ เพราะไม่มีแม้แต่ฤทธิ์เดชหรือพลังมากพอ ที่จะตัดสินใจตอบรับหรือไม่ตอบรับพิธีกรรมการอัญเชิญใดๆ ที่ส่งไปจากมิติของเราได้

การเทวาภิเษกเทพกินรี ตามสายวิชาที่ผมได้รับสืบทอดมาจาก พ่อครูด้วง เกจิอาจารย์สายเสน่ห์ที่ไปใช้ชีวิตบั้นปลายอยู่ ณ จังหวัดเพชรบูรณ์ เมื่อราวๆ สามสิบกว่าปีมาแล้ว ก็เป็นสายวิชาที่มีรูปแบบดังที่ได้อธิบายไปแล้วนี้เหมือนกันครับ โดยสายวิชาของพ่อครูด้วงนั้น สามารถประจุเข้าสู่ประติมากรรม และเครื่องรางรูปกินรีได้ทุกรูปแบบ แต่จะต้องปรับเปลี่ยนลำดับขั้นตอน และคาถาที่ใช้ให้แตกต่างกันไป ตามลักษณะของประติมากรรมและเครื่องรางเหล่านั้นและก็ยังคงอยู่ภายใต้ข้อจำกัดที่ว่า ในการเสกเทวรูปกินรีแต่ละองค์ สามารถประจุดวงวิญญาณกินรีชั้นเทพได้เพียง ๑ องค์ต่อ ๑ ดวงวิญญาณเท่านั้น และถ้าเป็นเครื่องรางขนาดห้อยคอหรือพกติดตัว ก็จะทำได้เพียง ๘ ชิ้น ต่อ ๑ ดวงวิญญาณเท่านั้นเช่นกันครับ

วิธีอัญเชิญการประจุดวงวิญญาณเทพกินรี ตามสายวิชาที่ผมได้รับมานี้ ไม่มีขั้นตอนใดที่จะเป็นการบังคับเทพกินรีผู้ตอบรับการอัญเชิญได้ ว่าเมื่ออัญเชิญแล้วต้องมาเสมอไปนะครับดังนั้นถ้าหากว่าเทวรูปที่นำเข้าพิธี สร้างไม่ถูกหลัก หรือมีข้อบกพร่องมากเกินไป เมื่อทำพิธีอัญเชิญแล้ว อาจไม่มีเทพกินรีองค์ใดตอบรับเลยก็ได้แต่ถ้าเทวรูปที่เข้าพิธีมีลักษณะถูกต้อง สีสันสวยงาม เทพกินรีอาจตอบรับการเชิญมาเข้าพิธีทีเดียวหลายองค์ เป็นลักษณะการชักชวนกันมา เพื่อมาเลือกเทวรูปที่ตรงกับความต้องการของแต่ละองค์มากที่สุด ก็เป็นไปได้ และเกิดขึ้นแล้วหลายครั้งด้วยครับดังเช่นครั้งหนึ่งในปี ๒๕๕๗ ที่ผมทำพิธีเสกเทวรูปกินรี ๓ องค์ ปรากฏว่า มีเทพกินรีตอบรับการอัญเชิญมาในพิธีเพื่อเลือกเทวรูปมากถึง ๘ องค์ด้วยกัน เป็นการอัญเชิญเทพกินรีได้จำนวนมากที่สุดในชีวิตของผมและเมื่อเทพกินรี เป็นดวงวิญญาณชั้นสูง ซึ่งมีอำนาจเต็มในการที่จะตัดสินใจรับการอัญเชิญมาเลือกเทวรูปของตน เทพกินรีจึงมีอำนาจที่จะตัดสินใจรับ หรือไม่รับเทวรูปที่เข้าพิธี ได้ตามความสมัครใจด้วยนะครับ

 ดังเช่นที่ผมสามารถอัญเชิญมาได้ถึง ๘ องค์ ก็ไม่มีหลักประกันอะไรเลยว่า เชิญมาแล้วจะต้องมี ๓ องค์ยอมรับเทวรูปที่เข้าพิธีในขณะนั้น ถึงจะมากัน ๘ องค์ พอมาเห็นเทวรูปแล้ว ถ้าไม่เป็นที่พอใจ ก็อาจกลับไปสู่ภพภูมิของตนทั้ง ๘ องค์ก็ได้

 โดยผมเองก็ไม่มีปัญญาที่จะเหนี่ยวรั้ง หรือล่อหลอกให้เทพกินรีองค์ไหนยอมรับเทวรูปที่เข้าพิธีได้ เพราะสายวิชาของผมไม่มีการบังคับ ไม่มีการครอบงำ หรือล่อหลอกใครนอกจากนั้น เมื่อเทพกินรีแต่ละองค์รับเทวรูปไปแล้ว ถ้าผู้บูชานำไปบูชาไม่ดี ไม่เป็นไปตามหลักเกณฑ์ที่วางไว้ เทพกินรีที่เลือกเทวรูปดังกล่าวแล้ว ก็อาจละทิ้งเทวรูปนั้นได้ทันที โดยไม่มีการเตือนล่วงหน้าเพราะเทพกินรีนั้น ชอบความเป็นอิสระ และจะผูกพันก็เฉพาะคนที่ใส่ใจ หรือดีกับตนเท่านั้นครับ

ตำนาน
ตำนาน

คนที่บูชาเทพกินรี ที่ผ่านการเสกโดยสายวิชาของผม จึงจำเป็นต้องมีวินัยในการบูชา และเต็มใจที่จะบูชาจริงๆ ไม่ใช่เห็นใครมีก็อยากมีบ้าง เสร็จแล้วก็เอาไปบูชาทิ้งๆ ขว้างๆ จนเทพกินรีละทิ้งเทวรูปนั้นซึ่งถ้าเหตุการณ์เช่นนั้นเกิดขึ้น จะเป็นอาถรรพณ์ที่ทำให้คนคนนั้นกลายเป็นบุคคลต้องธรณีสาร ไม่เป็นที่ชื่นชอบของคนอื่นๆ หรือมีแต่คนไม่ดีมาเกี่ยวข้อง และบังเกิดโชคร้ายต่อเนื่อง หาความเจริญก้าวหน้าในชีวิตไม่ได้อีกต่อไปในขณะที่ผู้บูชาอย่างถูกต้อง เทพกินรีก็จะดลบันดาลให้ผู้นั้นถึงพร้อมด้วยเมตตามหานิยม มีเสน่ห์เป็นที่รักแก่ผู้คนทั้งหลาย ประสบความสำเร็จในเรื่องความรัก กามารมณ์ และครอบครัว รวมทั้มีความเจริญก้าวหน้าในชีวิตความเป็นอยู่ โดยไม่มีผลเสียหรือเข้าตัวภายหลังเหมือนกับการบูชาสิ่งที่เป็นมนต์ดำครับ

 ทีนี้ ก็อาจมีคำถามว่า ในเมื่อกินรีตัวจริงคือหญิงสาวที่มีรูปกาย มีแขนขาเหมือนมนุษย์เรา แล้วประติมากรรมรูปกินรีที่เป็นคนครึ่งนก ที่ถอดแบบมาจากภาพไทยโบราณของเรา จะเป็นรูปแบบที่ถูกต้อง ไม่มีช่างคนไหนในโลกนี้ ที่สามารถสร้างเทวรูปเลียนแบบพระคเณศ พระศิวะ หรือพระลักษมีตามทิพยภาวะที่แท้จริงของแต่ละองค์ได้ฉันใด ก็ไม่มีใครคนไหนที่จะสร้างประติมากรรมเลียนแบบกินรีในป่าหิมพานต์ได้ตามความเป็นจริงฉันนั้นครับ

ตำนาน

สิ่งที่ทำได้ ก็เพียงการบ่งชี้ด้วยลักษณะเฉพาะอย่างใดอย่างหนึ่ง หรือหลายอย่าง เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ตรงกันเท่านั้น

 ดังเช่นประติมากรรมหญิงสาวครึ่งคนครึ่งนก ซึ่งเป็นที่เข้าใจตรงกันของผู้พบเห็นว่า หมายถึง กินรี แม้กินรีตัวจริงจะมิได้เป็นเช่นนั้น แต่เมื่อรูปแบบดังกล่าวเป็นที่ยอมรับของพวกเรา และโบราณาจารย์ของเราสามารถทำให้มันเป็นที่ยอมรับของดวงวิญญาณเทพกินรีที่อยู่ในมิติอื่นได้ มันก็ถือว่าเป็นรูปแบบที่ถูกต้อง

ติดตามเรื่องราวตำนาน สิ่งลี้ลับ เรื่องเล่าชวนหลอน : รีวิวเรื่องตำนานสิ่งลี้ลับเรื่องผี

สามารถติดตามเรื่องราวในตำนาน สิ่งลี้ลับ เรื่องเล่าชวนหลอนได้เพิ่มเติมที่แฟนเพจของเรา : Storyreview